สิทธิประกันสังคม คล้ายกับหลักการออมอย่างหนึ่ง เป็นการหักเปอร์เซ็นต์จากเงินค่าจ้างหรือเงินเดือน มาใช้เป็นหลักประกันความคุ้มครองต่าง ๆ ทั้งทางด้านสุขภาพและการดำเนินชีวิต โดยครอบคลุมกรณีเหล่านี้ คือ ชราภาพ, เจ็บป่วยหรือประสบอันตราย, คลอดบุตร, ทุพพลภาพ, เสียชีวิต และสงเคราะห์บุตร ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนพึงได้ มีดังต่อไปนี้
ส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงผู้ประกันตนยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้กับสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนได้เลือกใช้สิทธิ ก็สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้เลย
สำหรับการตรวจสุขภาพประจำปีนั้น จะมีการตรวจร่างกายของผู้ประกันตนตามหมวดหมู่ และแบ่งตามกลุ่มอายุ ดังนี้
ตรวจร่างกายตามระบบ
1. การคัดกรองการได้ยิน (Finger Rub Test) อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจได้ 1 ครั้งต่อปี
2. การตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข
3. การตรวจตาโดยความดูแลของจักษุแพทย์
4. การตรวจวัดสายตาด้วยสาย Snellen Eye Chart อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab)
1. ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC
2. ตรวจปัสสาวะ UA อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี
3. ตรวจน้ำตาลในเลือด FBS
4. การทำงานของไต Cr อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี
5. ไขมันในเส้นเลือดชนิด Total & HDL Cholesterol อายุ 20 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 5 ปี
การตรวจอื่น ๆ
1. เชื้อไวรัสตับอักเสบ HB sAg ตรวจได้ 1 ครั้ง
2. มะเร็งปากมดลูกแบบ Pap Smear
3. ตรวจมะเร็งปากมดลูกวิธี VIA อายุ 30-54 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 5 ปี
4. ตรวจเลือดในอุจจาระ FOBT อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี
5. การเอ็กซ์เรย์ทรวงอก Chest X–ray อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้งต่อปี
สำหรับสิทธิวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ได้มีการเพิ่มสิทธิผู้ประกันตนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปี 2563 ให้มีสิทธิได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564
2. ปี 2564 ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564
3. ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป มีสิทธิได้รับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กรณีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม ของทุกปี
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถได้รับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชนิด 3 สายพันธุ์ หรือ 4 สายพันธุ์ ณ สถานพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดได้ทันที
เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา มีการเพิ่มค่ารักษาทางทันตกรรมเป็น 900 บาทต่อปี โดยผู้ประกันตนสามารถทำฟันฟรี โดยไม่ต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าตามกรอบวงเงิน 900 บาทได้ ในโรงพยาบาลเอกชน 535 แห่ง และโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ในปี 2564 สำนักงานประกันสังคมยังมีข่าวสารอื่น ๆ แจ้งให้ทราบ ดังนี้
สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ สำนักงานประกันสังคมจึงมีประกาศกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมให้คงการลดเงินสมทบนายจ้าง เหลือร้อนละ 3 ผู้ประกันตนมาตรา 33 ลดเงินสมทบเหลือร้อนละ 0.5 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ลดเหลือ 38 บาท (จากที่จ่ายเดือนละ 432 บาท) เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่งวดเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม 2564
การปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม ประจำปี 2564 สามารถทำได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมทั่วประเทศ 237 แห่ง เป็นโรงพยาบาลรัฐบาล 159 แห่ง และเอกชน 78 แห่ง
1. ยื่นแบบเลือกสถานพยาบาลในการรับบริการทางการแพทย์ สปส. 9-02 ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ จังหวัด หรือสาขาทุกแห่งทั่วประเทศ
2. ตรวจรายชื่อสถานพยาบาลประกันสังคม จากนายจ้าง เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม และสายด่วน 1506
3. ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาล ได้ที่ www.sso.go.th, แอปพลิเคชั่น SSO Connect, สายด่วน 1506, สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ หรือเครื่อง Smart kiosk ของกระทรวงมหาดไทย
โดยทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานพยาบาล ทางสำนักงานประกันสังคมจะแจ้งผลการเลือกสถานพยาบาลผ่านนายจ้างให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับการแจ้งผลเป็นหนังสือและ SMS