วัยเด็ก เป็นช่วงวัยที่มีพลังงานล้นหลาม ดังนั้น ก่อนการส่งเขาเข้านอนทุกคืนจึงต้องเตรียมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ให้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลาย ลูกจะได้นอนหลับง่ายและฝันดี นอกจากหลักการเตรียมลูกก่อนนอน อาทิ งดกิจกรรมการขยับร่างกายต่าง ๆ เช่น การวิ่งเล่น การกระโดดโลดเต้น เป็นต้น แล้วนั้น การเลือกนิทานสำหรับอ่านก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลเช่นกัน ซึ่งหลักการเลือกนิทานก่อนนอนดังกล่าว มีดังนี้
เด็ก ๆ ทุกคนมักมีนิทานในใจที่อยากจะฟังอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกนิทานเล่มโปรดของลูกมาเล่าได้เลย หรือจะให้ลูกเป็นคนเลือกว่าคืนนี้อยากจะฟังเรื่องอะไรก็ได้ เพื่อให้เขารู้สึกสนุกและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมก่อนนอนนี้ หากลูกรู้สึกสบายใจ สงบ และรู้สึกดีกับกิจกรรมการเล่านิทานก่อนนอน เขาก็จะหลับได้ง่ายขึ้น
เด็กแต่ละวัยมีนิทานที่เหมาะสมแตกต่างกัน การเลือกนิทานมาเล่าก่อนนอนจึงควรคำนึงถึงวัยของลูกด้วยเช่นกัน หากเป็นเด็กเล็กควรเลือกเรื่องที่เนื้อหาน้อย ๆ เน้นรูปภาพ น้ำเสียง และอารมณ์ตอนเล่าเรื่องเป็นหลัก หากเป็นเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็อาจเลือกเรื่องที่มีเนื้อหาซับซ้อนขึ้นตามลำดับ
นิทานก่อนนอน ไม่ควรมีเนื้อหาซับซ้อนชวนให้ขบคิดมากนัก เพราะขบคิดแก้ปัญหาจะทำให้สมองทำงานและตื่นตัว ส่งผลให้ลูกนอนหลับยาก คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเนื้อหาไม่ซับซ้อน ฟังง่าย รู้สึกผ่อนคลาย หรือเป็นนิทานช่วยกล่อมนอนก็ได้ เพราะนิทานเหล่านี้จะช่วยให้ลูกจิตใจสงบ เมื่อลูกฟังนิทานไปเรื่อย ๆ จะเริ่มเคลิ้มและหลับไปเองในที่สุด
สีสันสดใสฉูดฉาดในนิทานเป็นสิ่งดึงดูดใจเด็กก็จริง แต่สำหรับนิทานก่อนนอน การเลือกนิทานที่สีสันเย็นตา สบายตา จะช่วยลดสิ่งเร้าต่าง ๆ ของลูกลง เขาจะรู้สึกผ่อนคลาย โฟกัสกับน้ำเสียง อารมณ์ และความอบอุ่นจากอ้อมกอดคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขาเคลิ้มหลับไปเอง