เรื่องของการทำผิดแต่ไม่อยากหรือไม่ยอมขอโทษนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ปกครองกลุ้มอกกลุ้มใจกันไม่น้อย เพราะกลัวว่าพอออกนอกบ้านไปแล้ว หากลูกเราทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะเป็นที่ไม่ต้อนรับของสังคมได้ วันนี้ครูพิมจึงมีเทคนิคดี ๆ เชิงจิตวิทยา มาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปปรับใช้ในการสอนให้เด็ก ๆ รู้จักขอโทษได้อย่างเต็มใจกันค่ะ
หลายครั้งเวลาที่เราเห็นลูกทำผิด เรามักจะรีบอธิบายความผิดนั้นอย่างยืดยาว พร้อมกับอธิบายต่ออีกว่า จะต้องขอโทษอย่างไร ทำไม เพื่ออะไร หรือบางครั้งก็พ่วงยาวไปจนถึงความผิดในครั้งอดีต ซึ่งการพูดในลักษณะนี้ มักไม่ค่อยก่อให้เกิดประโยชน์ หรือทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอยากขอโทษแต่อย่างใดเลยค่ะ ในทางตรงกันข้าม การพูดบรรยายยาว ๆ จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกเบื่อหน่าย และไม่ได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้ว ความผิดของเขาคืออะไร และทำไมจึงต้องขอโทษหรือรับผิดชอบ ดังนั้น วิธีการที่ดีกว่า คือการอธิบายอย่างกระชับและรวดเร็วเลยว่า สิ่งที่ทำผิดนั้น ก่อให้เกิดผลอะไรขึ้น และการขอโทษที่ว่านั้น ควรทำอย่างไรบ้าง เช่น ยกมือไหว้ รีบเก็บของ เช็ดน้ำที่หก ฯลฯ
เมื่อเด็กทำผิดและกำลังจะถูกลงโทษ เขาย่อมต้องการคำอธิบายและการสร้างความเข้าใจ ไม่ต่างจากผู้ใหญ่อย่างเราค่ะ โดยเฉพาะเมื่อความผิดนั้นเป็นความผิดครั้งแรก หรือเป็นความผิดที่มาจากความไม่รู้ หรือข้อจำกัดของวัยและประสบการณ์ ซึ่งหากผู้ใหญ่ละเลยในจุดนี้ไป จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไม่ชอบการขอโทษ และต่อต้านการรับผิดชอบได้ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงถูกลงโทษเช่นนั้นนั่นเองค่ะ
ข้อนี้ครูพิมอยากดอกจันท์ไว้สักสามสี่ดอก เพราะการรับผิดชอบร่วมกันกับลูก เป็นหัวใจสำคัญอย่างมากที่ทำให้เด็ก ๆ ซึมซับพฤติกรรมที่ดีนี้ โดยที่เราแทบจะไม่ต้องบอกหรือสอนอะไรให้มากความเลยค่ะ วิธีการง่าย ๆ ก็คือเมื่อลูกทำผิดพลาด โดยเฉพาะในครั้งแรก ๆ ของการทำผิดนั้น เราควรร่วมรับผิดชอบไปกับลูกด้วยเสมอ ลงมือทำไปด้วยกัน ขอโทษก่อนหรือขอโทษด้วยกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เด็ก ๆ เกิดเป็นภาพจำและเข้าใจได้ง่ายที่สุด และเป็นวิธีการที่ทำให้เด็ก ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมได้ในเชิงบวกอีกด้วย
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก