หากเป็นเช่นนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่จะต้องพยายามใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดนั้น ให้มีคุณภาพมากที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการทำพฤติกรรมดังต่อไปนี้
สำหรับพ่อแม่บางคนอาจทำได้ยากมาก ๆ ด้วยภาระหน้าที่การงานและความรับผิดชอบ แต่ต้องพยายาม เพราะช่วงเวลาที่เราจะได้อยู่กับลูกในแต่ละวันนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นควรใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ให้มีคุณภาพ หากเป็นไปได้ เมื่อกลับถึงบ้านควรปิดโทรศัพท์ หรือไม่พูดคุยเรื่องงานอีก พ่อแม่บางคนกลับถึงบ้านก็ยังมาคุยโทรศัพท์เรื่องงานต่อ เจอหน้าลูกคุยกับลูกไม่เกิน 10 คำ ไม่มีช่วงเวลาของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกเลย บางครอบครัวแยกห้องนอนให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก กลายเป็นว่าเมื่อกลับถึงบ้าน ต่างคนต่างเข้าห้องนอน พ่อแม่ไปทาง ลูกไปทาง แล้วเวลาแห่งการสร้างความสัมพันธ์ของพ่อ แม่ และลูกจะอยู่ตรงไหน ดังนั้นไม่ว่าชีวิตการทำงานของเราจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม เมื่อกลับถึงบ้านจงทิ้งภาระและความวุ่นวายเหล่านั้นไว้ และให้ความสำคัญกับลูกให้มากที่สุด
พ่อแม่บางคนเลือกที่จะชดเชยเวลาที่ขาดหายไป ด้วยการใช้เงินในการซื้อความสุขให้ลูก ซื้อของเล่น ซื้ออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพราะคิดว่าจะสร้างความสุขให้กับลูกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วความสุขทางกาย ไม่สามารถชดเชยความสุขทางใจได้ ดังนั้นหากพ่อแม่มีเวลา จงใช้เวลาเหล่านั้นในการเดินเข้าไปกอดลูก พูดคุยกับลูก สร้างความสุขและความอบอุ่นทางจิตใจให้กับลูก ไม่ใช่ลูกเดินหา พ่อแม่เดินหนี เพราะคิดว่าเงินและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้สร้างความสุขให้กับลูกแล้ว
พ่อแม่ควรให้เวลา ให้ความสำคัญในการฟูมฟัก เลี้ยงดู และสร้างพื้นฐานของจิตสำนึกที่ดีให้กับลูกตั้งแต่ต้น เพราะหากลูกมีปัญหาแล้ว นอกจากจะสร้างรอยแผลทางใจให้กับความรู้สึกของพ่อแม่และลูกแล้ว การที่พ่อแม่จะสร้างความสัมพันธ์ สร้างพื้นฐานความเชื่อใจ และไว้วางใจกับลูก ให้ดีขึ้นมาเหมือนเดิมนั้น ย่อมเป็นไปได้ยาก
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.