แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ วันนี้เรามีเทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ลูกห่างไกลจากขนมหวานมาฝากกันค่ะ
หากต้องการความสดชื่นมากขึ้น อาจะเป็นน้ำเปล่าที่แช่เย็นก็ได้ การให้เด็กดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจะช่วยทำให้ร่างกายของลูกสดชื่น หรืออาจหาน้ำผลไม้ให้ลูกดื่มบ้างในบางครั้ง เช่น น้ำส้ม โดยให้ลูกได้คั้นเอง เพราะการที่ลูกได้ทำเอง จะทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจ และดื่มน้ำได้มากขึ้น หากลูกต้องการดื่มน้ำหวาน อาจตั้งข้อกำหนดกับลูกว่าใน 1 สัปดาห์ สามารถดื่มน้ำหวานได้กี่วัน และดื่มได้ในปริมาณเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้ว น้ำที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ก็คือ น้ำเปล่า นั่นเอง
เมื่อไปซื้อของที่ซุปเปอร์ฯ ก่อนที่จะซื้อขนมต่าง ๆ พ่อแม่อาจชักชวนให้ลูกได้อ่านฉลากสินค้า ชวนกันพูดคุยถึงประโยชน์ หรือรายละเอียดของส่วนประกอบของสิ่งนั้น ๆ ว่ามีประโยชน์อย่างไร ถือเป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้ในเรื่องของโภชนาการทางอาหารไปด้วย
เมื่อลูก ๆ อยากทานของหวาน การมีตัวเลือกเป็นผลไม้เย็น ๆ อาจทำให้ลูกเปลี่ยนความสนใจได้ และการทานผลไม้รสหวานที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติ ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า การเลือกทานขนมหวานที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมา
เมื่อลูกรู้สึกอยากกินของหวาน พ่อแม่อาจลองหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำแทน เช่น ออกกําลังกาย งานศิลปะ ทำความสะอาดบ้าน เพราะในบางครั้งเมื่อสมองสั่งการว่าอยากกินสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความรู้สึกอยากนั้นจะคงอยู่ประมาณ 20-30 นาที หากได้ทํากิจกรรมอื่นแทนในช่วงระยะเวลานั้น อาจช่วยให้ความรู้สึกอยากของหวานลดลง
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.