Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Way to say: คำและสำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทักทาย

Posted By Plook Creator | 19 มิ.ย. 63
23,973 Views

  Favorite

การทักทาย เป็นคำแรก ๆ ในการเรียนภาษาต่าง ๆ อีกทั้งยังพบเจอได้บ่อยในข้อสอบภาษาอังกฤษรวมถึงข้อสอบวัดระดับทางภาษา ในภาษาอังกฤษมีคำและสำนวนที่ใช้ในการทักทายหลายคำและสำนวน โดยแยกระดับการใช้ที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและสอบต่าง ๆ โดยเฉพาะการวัดระดับทางภาษา CEFR Level A1 ที่ต้องสามารถสื่อสารการทักทายเบื้องต้นได้


Formal Greetings คำทักทายอย่างเป็นทางการ

การใช้ภาษาอย่างเป็นทางการบ่งบอกถึงความสุภาพและความเป็นมืออาชีพ โดยสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้คำอย่างเป็นทางการ เช่น การแสดงความเคารพต่อผู้สูงวัยกว่า, การสนทนากับคนที่เพิ่งรู้จัก, การสัมภาษณ์งาน, การประชุม, การสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูง, การสนทนากับลูกค้า


Good morning / Good afternoon / Good evening

สามคำทักทายพื้นฐานที่รู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ใช้ในการทักทายแต่ละช่วงเวลา ดังนี้
Good morning    ทักทายได้ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงก่อนเที่ยง
Good afternoon   ทักตั้งแต่เที่ยงถึงช่วงหกโมงเย็น
Good evening     ทักตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็นถึงช่วงค่ำ

เพื่อแสดงความเคารพ สามารถใส่ชื่อของผู้ที่เราทักทายตามท้ายคำกล่าวทักทายได้ เช่น Good morning, Mr. Somchai, Good afternoon, Jenny
หรือหากทักทายบุคคลที่ไม่ทราบชื่อจะใช้ sir/madam ต่อท้ายคำทักทาย เช่น Good morning, sir/madam

ข้อควรจำ : Goodnight ไม่นับว่าเป็นคำทักทาย แต่ในการสื่อสารอย่างเป็นทางการจะใช้เป็นคำกล่าวลา เช่น Goodnight! See you tomorrow.


How do you do?

เป็นวลีที่มีความเป็นทางการอย่างมาก ใช้กับคนที่พบเจอกันครั้งแรก โดยผู้ที่ถูกทักทายจะตอบกลับมาว่า How do you do? เช่นกัน


Nice to meet you / Pleased to meet you

เป็นวลีสุภาพที่ใช้ตอบกลับในการทักทายสำหรับคนที่พบเจอกันครั้งแรก โดยปกติเมื่อพบกันตามธรรมเนียมตะวันตกจะจับมือกัน (shake hands) ประมาณสองถึงสามวินาทีพร้อมกับพูดว่า Nice to meet you / Pleased to meet you (ยินดีที่ได้พบคุณ)


How have you been?

เรารู้จัก How are you? (คุณเป็นอย่างไรบ้าง) กันดี แต่ถ้าอยากให้สุภาพมากยิ่งขึ้นจะใช้ How have you been? โดยใช้ทักทายคนที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน


คำทักทายอย่างเป็นทางการที่ใช้กับจดหมายและอีเมล

ในทุกภาษาจะใช้คำที่เป็นทางการมากที่สุดในภาษาเขียน เช่น การสมัครงาน, การติดต่องาน, การร้องเรียนทางกฎหมาย โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการขึ้นต้นจดหมายหรืออีเมล


Dear Sir/Madam

เมื่อส่งจดหมายหรืออีเมลถึงบุคคลที่ไม่รู้จักชื่อจะใช้ Dear Sir (ใช้ส่งถึงผู้ชาย) / Dear Madam (ใช้ส่งถึงผู้หญิง) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการสนทนาที่เป็นทางการที่สุด


To Whom It May Concern

แม้วลี To Whom It May Concern จะดูล้าสมัย แต่มีความเป็นทางการในการติดต่อทางอีเมลที่ไม่มีที่อยู่หรือแผนกที่เฉพาะเจาะจง เช่น ส่งอีเมลไปแผนกที่ไม่คุ้นเคย, ส่งคำร้องเรียนกับบริษัท, ส่งจดหมายรับรอง

ข้อควรจำ : การใช้ To Whom It May Concern แต่ละคำจะขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ และตามด้วยเครื่องหมาย colon ( : ) เสมอ แล้วเคาะเว้นสองบรรทัดก่อนเริ่มเนื้อหาจดหมายหรืออีเมล

ตัวอย่าง:
To Whom It May Concern:


I saw your company announced the opening of ……………………………………………………...........................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................


To the Hiring Manager

ในการส่งจดหมายหรืออีเมลสมัครงานส่วนใหญ่จะใช้คำขึ้นต้นว่า To the Hiring Manager รวมถึงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการส่งอีเมล “info@” ไปยังกล่องข้อความของบริษัท เนื่องจากเป็นการบ่งบอกว่าอีเมลนั้นเกี่ยวกับโอกาสในทำงาน และเป็นการระบุว่าให้ใครก็ตามส่งต่อข้อความนั้นไปยังฝ่ายบุคคลในทันที


Dear Mr. / Mrs. / Ms. / Miss / Prof.  / Dr.

หากทราบชื่อบุคคลนั้น จะขึ้นต้นคำทักทายด้วย Dear และตามด้วยคำนำหน้าและนามสกุลของบุคคลนั้น เช่น Dear Mr. Smith หรือจะใช้ Dear sir/madam แทนก็ได้


Informal Greetings คำทักทายอย่างไม่เป็นทางการ

คำทักทายอย่างไม่เป็นทางการจะใช้ในสถานการณ์ เช่น การประชุมไม่เป็นทางการกับเพื่อนร่วมงาน, การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน, พูดคุยกับเพื่อน ด้วยคำและสำนวนต่าง ๆ ดังนี้


Hello/Hi/Hey

Hello/Hi เป็นคำที่รู้จักกันดีและนิยมใช้กันบ่อยมาก โดยมักตามด้วยชื่อบุคคล เช่น Hello, Tom. How are you? Hi, Pim. Nice to see you!

ส่วน Hey จะใช้กับบุคคลที่รู้จักและสนิทกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าใช้กับคนแปลกหน้าในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการต้องระวังในออกเสียง หากเน้นเสียงหนักมากเกินไปอาจกลายเป็นหยาบคายได้  


Morning/Afternoon/ Evening

เป็นการทักทายในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและอบอุ่น อีกทั้งยังฟังดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย


How are you doing? / How’s it going?

ใช้ถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” แบบสบาย ๆ อย่างเป็นกันเอง โดยมักถามหลังจากทักทายกันแล้ว และตอบสั้น ๆ ในเชิงบวก เช่น

Tom: Hello, Pim. How are you doing? (สวัสดีพิม เป็นอย่างไรบ้าง)
Pim: Fine, thanks. And you? (สบายดี ขอบใจนะ แล้วนายล่ะ)

Thu: Hi, Pom. How’s it going?  (สวัสดี ป้อม เป็นไงบ้าง)
Pom: I’m very well. How’re you?  (สบายมากเลยล่ะ แล้วนายล่ะเป็นไง)


Nice to see you/It’s great to see you/ Good to see you

เป็นคำทักทายที่เป็นมิตรใช้เวลาที่ไม่ได้เจอกันหรือเจอกันโดยบังเอิญ และสามารถใช้เริ่มต้นบทสนทนาหรือหลังจากกล่าวทักทาย Hello เช่น Hello, Jenny. Nice to see you again. (สวัสดีเจนนี่ ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ)


Long-time no see / It’s been a while/It’s been ages.

ใช้เมื่อได้พบเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน เมื่อทักทายด้วยวลีนี้แล้วมักตามด้วยคำถามอย่าง How are you?

ความรู้เพิ่มเติม: ages เมื่อเติม s เป็น ages หมายถึง นานมาก ๆ

Jene: Hi, Jub! Long-time no see. How are you? (หวัดดีจุ๊บ ไม่เจอกันนานเลยนะ เธอเป็นอย่างไรบ้าง)
Jub: I’m fine, thanks! What’s new? (สบายดี ขอบใจนะ แล้วเธอล่ะ)

Mark: Hey, Tim. How have you been? (เฮ้ ทิม เป็นยังไงบ้าง ไม่เจอกันนานเลยนะ)
Tim: Yes, it’s been a while since I saw you last time. (ใช่ นานแล้วนะตั้งแต่เจอกันครั้งสุดท้ายน่ะ)


Slang Greetings คำและสำนวนสแลงที่ใช้ในการทักทาย

นอกจากนี้ยังมีคำและสำนวนสแลงในการทักทาย ที่ใช้ในสถานการณ์ไม่เป็นทางการและไร้สาระนิดหน่อย มักใช้กับเพื่อนสนิทมาก ๆ


What’s up? / What’s new?

What’s up? คำทักทายสแลงที่ใช้กันโดยทั่วไป เป็นวิธีทักทายเพื่อน ๆ อย่างผ่อนคลายด้วยการถามพวกเขาว่ากำลังทำอะไรหรือมีอะไรใหม่ในชีวิต และเนื่องจากไม่ดูหยาบคายจึงใช้ทักทายเพื่อร่วมงานที่สนิท รวมถึงคนในครอบครัวได้


Sup

เป็นคำสั้น ๆ ที่รวบมาจาก What’s up? ที่อเมริกานิยมใช้กันมากในช่วงต้นยุค 2000 สำหรับปัจจุบันส่วนมากใช้แดกดันหรือในข้อความเท่านั้น


Yo!

คำทักทายสนุก ๆ ที่มาจากวัฒนธรรมฮิพฮอพอเมริกายุค 1990 และทุกวันนี้ยังคงใช้กันทั่วไปในอเมริกา


Heyyy

มาจาก Hey ที่เวลาส่งข้อความหากันมักเพิ่ม ‘y’ เข้าไปสามหรือสี่ตัว คล้ายกับเวลาส่งข้อความภาษาไทยอย่าง “เหรออออ” “แล้ววว”

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow