Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

กาแฟสกัดเย็น (Cold brew) ดีต่อสุขภาพอย่างไร

Posted By Plook Creator | 17 มิ.ย. 63
13,966 Views

  Favorite

หากลองนึกถึงรสของกาแฟ สิ่งแรกที่นึกได้คงเป็นความขม หรืออาจจะมีเปรี้ยว หรือเค็มเล็ก ๆ ฝืดคอหน่อย ๆ ถ้าเป็นคอกาแฟก็คงจะบอกว่า กาแฟที่มาจากท้องถิ่นที่ต่างกัน จะมีรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เมื่อรวมกับการบ่มและคั่วกาแฟด้วยกรรมวิธีที่ต่างกัน และกลิ่นที่หลากหลาย ทำให้กาแฟแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ แต่ละท้องถิ่น หรือแม้แต่กรรมวิธีการปรุงที่ต่างกัน แสดงออกเป็นรสและกลิ่นที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ที่แน่ ๆ กาแฟส่วนใหญ่จะมีรสขมที่แม้คุณจะไม่ได้รับคาเฟอีนเข้าสายเลือดในทันทีที่จิบกาแฟ แต่รสของมันก็ทำให้ตื่นได้ในทันที

ภาพ : Shutterstock

 

หนึ่งในกระแสการปรุงเครื่องดื่มที่มีกาแฟเป็นส่วนประกอบหลักซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศไทยในช่วงปีหลัง ๆ มานี้คือ ​Cold Brew ซึ่งแปลได้ว่าการชงกาแฟแบบเย็น หากคุณไม่ได้เป็นคอกาแฟ ก็อาจจะสงสัยว่าอะไรคือการชงแบบเย็น มันไม่ใช่การชงกาแฟ 3-in-1 หรือกาแฟซองที่มีส่วนผสมของกาแฟ ครีมเทียมและน้ำตาลโดยใช้น้ำเย็นมาชง แต่เป็นการชงกาแฟจากเมล็ดกาแฟที่ได้รับการบดด้วยน้ำเย็น มันทำให้รสสัมผัส และกลิ่นแตกต่างจากกาแฟที่ชงด้วยน้ำร้อนอย่างสิ้นเชิง

 

หลังจากได้ลองชิมคนส่วนใหญ่ก็บอกว่า กาแฟที่ชงแบบ Cold Brew นั้นให้รสชาติดีกว่า อร่อยกว่ากาแฟดำที่ชงร้อนแบบอื่น ๆ หรือแม้แต่กาแฟเย็นที่ชงแล้วเติมน้ำแข็งลงไปทีหลังเองก็ตามที นั่นอาจจะเป็นเพราะความเปรี้ยวถูกทอนให้ลดลง และรสชาติอื่นเด่นขึ้นมาแทนที่ แต่บางคนอาจจะบอกว่ากาแฟ ​Cold Brew นั้นรสชาติจืดชืดและไม่น่าดื่มด่ำเอาซะเลย แต่ไม่ว่ารสจะถูกปากหรือไม่ กรรมวิธีการชงนั่นแหละที่ทำให้กาแฟ Cold Brew แตกต่างจากกาแฟอื่น ๆ อย่างชัดเจน

 

การชงกาแฟ Cold Brew ไม่ได้ใช้น้ำร้อน หรือน้ำร้อนร่วมกับแรงดัน แต่เป็นการนำกาแฟที่ได้รับการคั่วและบดอย่างพิถีพิถัน ไปผสมเข้ากับน้ำที่อุณหภูมิห้อง หรืออาจจะอุณหภูมิเย็นกว่าปกติ บ้างก็ใช้น้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลายมาผสมกับกาแฟ ซึ่งกรรมวิธีนี้ต้องใช้เวลานานในการบ่ม จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับการหมักกาแฟมากกว่าจะเป็นการชง แต่ไม่ได้มีส่วนประกอบของเชื้อจุลินทรีย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงไม่สามารถเรียกว่าการหมักได้เต็มปากเท่าใดนัก

ภาพ : Shutterstock

 

เวลาที่ใช้ในการบ่มหรือชงกาแฟอาจจะนานถึง 12 ชั่วโมงหรืออาจจะเป็นหลักวันแล้วแต่สูตรเฉพาะแต่ละร้าน เวลาที่ใช้นานนี้เพราะเป็นการปล่อยให้น้ำค่อย ๆ ละลายเอารสชาติของกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับรสชาติของกาแฟ เมื่อผงกาแฟผสมรวมเข้ากับน้ำ กรด น้ำตาล และคาเฟอีนจะละลายออกมา กาแฟส่วนใหญ่ใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิ 93 องศาเซลเซียส เพราะมีการศึกษามาแล้วว่า สิ่งที่เราต้องการจากกาแฟทั้งหมดจะได้รับการสกัดออกมาอย่างรวดเร็วในระดับวินาทีหรือนาทีในช่วงอุณหภูมินี้ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีหรือรสก็ตาม หากเป็นเมนูร้อน เมื่อได้รับการชงด้วยน้ำร้อนแล้วก็สามารถนำไปปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำเชื่อม หรือนมได้เลย แต่หากเป็นเมนูเย็นก็เพียงแค่เติมน้ำแข็งลงไป

 

ถ้าหากการใช้น้ำร้อนเป็นการชงกาแฟแบบประหยัดเวลา การที่เรามีเวลามากก็อาจจะใช้น้ำเย็นในการชงได้ และสมมติฐานนี้ก็ได้รับการพิสูจน์โดยการชงกาแฟแบบ Cold Brew นั่นเอง และแม้ว่ารสชาติที่ออกมาจะต่างกัน เนื่องจากปริมาณของสารที่สกัดออกมาด้วยน้ำเย็นมีอัตราส่วนที่แตกต่างกันกับการสกัดด้วยน้ำร้อนที่มีพลังงานสูงกว่าในการดึงเอาโมเลกุลสารเคมีออกจากเนื้อกาแฟหรือทำให้โมเลกุลของรสชาติแตกตัวออกมาได้รวดเร็วและมีสัดส่วนมากกว่า อย่างเช่นรสขมนั้นต้องใช้พลังงานมากกว่าในการดึงออกมาจากเนื้อกาแฟ และนั่นแปลว่ากาแฟที่ชงแบบเย็นส่วนใหญ่จะมีอัตราส่วนของรสขมน้อยกว่า ทำให้รสสัมผัสตอนดื่มเป็นที่ชื่นชอบโดยผู้บริโภคส่วนใหญ่มากกว่า ดื่มง่ายกว่า

ภาพ : Shutterstock

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารหรือสารเคมีบางส่วนที่ได้รับการพิสูจน์และมีบทวิจัยว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การที่ได้รับกาแฟเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำก็อาจจะทำให้เกิดกรดเกินหรือทำให้เกิดอาการข้างเคียงอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ อย่างเช่น กรดไหลย้อน และนั่นทำให้กาแฟที่ชงหรือบ่มแบบ Cold Brew ดีต่อร่างกายคุณมากกว่า เพราะมีปริมาณกรดน้อยกว่า งานวิจัยบางชิ้นยังกล่าวว่า แม้กาแฟแบบ Cold Brew จะให้ปริมาณเคเฟอีนเท่ากัน แต่มันมีกรดน้อยกว่า หรือแม้แต่หวานกว่า กาแฟที่ชงร้อน

 

ร่างกายของคุณต้องควบคุมความสมดุลทางกรดเบสและด่างรวมถึงสารเคมีที่มีประจุต่าง ๆ ในร่างกาย เพื่อให้มันสามารถทำงานได้เป็นปกติ และมีอุณหภูมิคงที่ แต่โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีค่าความเป็นกรดโอนเอียงไปทางด่างเล็กน้อย และนั่นทำให้เมื่อคุณดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีรสเป็นกรด ร่างกายจะต้องทำการปรับสมดุลและคุณอาจจะรู้สึกไม่สบายตัวบ้าง ดังนั้น หากต้องการประโยชน์ที่ได้จากคาเฟอีนแต่ไม่อยากให้ร่างกายเสียสมดุลจากการได้รับกรดเกินหรืออาจจะมากเกินไป เปลี่ยนการกินดื่มเพียงเล็กน้อยอาจจะสร้างความแตกต่างได้มาก โดยเฉพาะคนที่อาจจะมีกรดเกินในกระเพาะเป็นประจำ ลองปรึกษาแพทย์และหาทางออกร่วมกันอย่างเช่น การได้รับคาเฟอีนในปริมาณใกล้เคียงเดิมแต่กรดน้อยกว่าโดยเลือกดื่มกาแฟที่ชงแบบ Cold Brew ก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดี

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 15 Followers
  • Follow