แป๊บเดียวก็ผ่านไปแล้วเกินครึ่งปี หลายคนก็มองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีอย่างบรรดาประกันและสินค้าทางการเงินต่างๆ โดยเฉพาะประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ให้เราได้ทั้งการลดหย่อนภาษีและการป้องกันความเสี่ยงตามกระแสตื่นตัวเกี่ยวกับสุขภาพในปัจจุบันนี้ แต่ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ คืออะไรกันแน่? ทั้งสองอย่างแตกต่างกันยังไง? วันนี้บทความของเราจะอธิบายให้ฟังเพื่อที่ทุกคนจะได้เลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับตนเองจริงๆ ครับ
แบบประกันที่สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนที่เราห่วงใยว่าถ้าหากเราเสียชีวิตไป ความคุ้มครองจากประกันก็จะยังทำให้ครอบครัวสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิตตามที่ต้องการได้แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่เป็นเสาหลักให้ครอบครัวในเวลานั้นๆแล้วก็ตาม
โดยผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากประกันชีวิตก็คือ ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเท่านั้น เป็นทุนประกันชีวิต หรือจำนวนเงินเอาประกัน (Sum Assured) ซึ่งจะได้เป็นเงินก้อนจากบริษัทประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ อย่างไรก็ดี แบบประกันชีวิตหลายๆ บริษัทก็มีการพ่วงประกันสุขภาพเข้าไปในสัญญาเพื่อให้ความคุ้มครองมากขึ้นด้วย
แบบประกันที่เข้ามาคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่รวมไปถึงอาการบาดเจ็บ อาการเจ็บไข้ได้ป่วย และโรคต่างๆ ตามที่กรมธรรม์กำหนด โดยยิ่งประกันสุขภาพตัวนั้นๆมีความคุ้มครองครอบคลุมมากเท่าไหร่ เราก็อาจจะต้องจ่ายค่าเบี้ยมากตามไปด้วย
โดยสิ่งที่ประกันสุขภาพสามารถคุ้มครองก็มีทั้งประกันที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน (IPD), ค่าห้องค่าอาหาร, ค่าผ่าตัด, ค่าตรวจแล็บ, เงินชดเชยรายได้, ค่ายา, ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD), และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน เป็นต้น
แม้ว่าทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพจะมีรายละเอียดซับซ้อนมากมาย แต่ถ้าเราทราบความต้องการของตัวเองในแต่ละช่วงชีวิต และดูงบประมาณในการจ่ายค่าเบี้ยให้เหมาะสม เราก็สามารถรู้ว่า ประกันชีวิตและประกันสุขภาพแบบไหนดีที่ตอบโจทย์ชีวิตของเราได้ ซึ่งในบล็อกของพี่หมีเองก็ได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกทำประกันชีวิต และประกันสุขภาพให้เหมาะสมในช่วงอายุต่างๆ เพื่อให้นอกจากประโยชน์ทางด้านภาษีแล้ว เราสามารถรับประโยชน์จากการทำประกันได้มากขึ้น ซึ่งเพื่อนๆ ก็สามารถคลิ๊กเข้าไปที่อ่านเพิ่มเติมที่บล็อกพี่หมีด้านล่างได้เลยครับ
ข้อแตกต่าง | ประกันสุขภาพ | ประกันชีวิต |
---|---|---|
การจ่ายเงิน | จ่ายชดเชยสำหรับค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชย กรณีเราไม่สามารถทำงานได้ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเมื่อเราเจ็บป่วย หรือเจออุบัติเหตุจนต้องไปโรงพยาบาล | จ่ายเงินให้ กรณีเราเสียชีวิตหรือครบสัญญาที่กำหนด |
ค่าเบี้ยประกัน | ไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับประเภทที่เลือกทำ | โดยเฉลี่ยส่วนมากจะสูงกว่าประกันสุขภาพ |
ได้รับเบี้ยคืน | ไม่ได้รับเงินค่าเบี้ยคืนแม้จะครบระยะเวลาที่กำหนดไว้ | สามารถขอเงินค่าเบี้ยคืนได้ เรียกว่า การเวนคืนกรมธรรม์ ระยะเวลายิ่งนานก็จะยิ่งมีมูลค่าเงินคืนสูงขึ้น |
ผู้ได้รับผลประโยชน์ | จะจ่ายให้กับผู้เอาประกัน เพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยรายได้ | จ่ายให้ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุในสัญญา |
ลดหย่อนภาษี | ลดหย่อนได้ทั้งประกันสุขภาพของตนเอง และที่ซื้อให้บิดามารดา (ไม่เกิน 25,000 บาท) และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต แล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท | ต้องซื้อแบบแผนประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท |
จ่ายเบี้ยประกันนานกี่ปี | ส่วนใหญ่เป็นแบบปีต่อปี ถ้าปีต่อไปจะไม่ต่อสัญญาก็ได้ | ต้องจ่ายตามที่ระบุไว้ในสัญญา |