ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์มักเป็นที่นิยมในการนัดเพื่อน หรือเป็นมื้อพิเศษในโอกาสต่าง ๆ โดยเฉพาะวันเกิด "เกิดอยากจะกินขึ้นมา" นั่นเอง เพราะว่าในหลาย ๆ ครั้งเมื่อคำนวณราคาของอาหารที่อยากจะสั่งเป็นอย่าง ๆ ไปแล้ว รวมกันต้องจ่ายมากกว่าการซื้อบุฟเฟ่ต์เสียอีก ปัจจุบันจะเห็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์หลายประเภท ครอบคลุมเกือบทุกชนิดอาหาร ตั้งแต่ข้าวแกง ขนมจีน ขนมหวาน ปิ้งย่าง ชาบู ไก่ทอด พิซซ่า อาหารทะเล อาหารญี่ปุ่น อาหารนานาชาติ สลัดผัก เรามารู้จักกับบุฟเฟ่ต์ให้มากขึ้นกันก่อนจะเริ่มมื้ออาหารที่จะถึงนี้

เป้าหมายของการเข้าร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ หลัก ๆ มีสองแบบคือ

1. เน้นกินเยอะ บางคนกินมื้อเดียวก็อิ่มยาวอยู่ได้ทั้งวัน

2. เน้นความหลากหลาย เพราะบางร้านมีเมนูเกือบ 100 รายการ จึงต้องการกินอย่างละนิด อย่างละหน่อย ชิมให้ครบทุกอย่าง และเหมาะกับการกินเป็นกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัว เพราะแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน

3. เน้นของเฉพาะอย่าง ยกตัวอย่างบางคนตั้งใจกินกุ้งเพียงอย่างเดียวจนอิ่มก็ถือว่าคุ้มแล้ว

หลายคนคงไม่อยากให้หลังมื้ออาหารบุฟเฟ่ต์เกิดอาการแน่น จุก หรือไม่สบายตัว ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมตัวที่ดีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ !  

1. วันก่อนมื้ออาหาร
เชื่อหรือไม่ว่าจริงจังเบอร์ไหน ถึงต้องเตรียมตัวกันเป็นวันเลย ถ้าพรุ่งนี้มีนัดกับเพื่อนจะไปกินมื้อใหญ่กัน วันนี้ต้องกินให้น้อยลง โดยเน้นไปที่ผัก ผลไม้ นมเปรี้ยว เพื่อล้างลำไส้ และเพิ่มกากใยสำหรับการขยายตัวของกระเพาะอาหาร

2. ใส่เสื้อผ้าพอดีตัว สบาย ๆ
ไม่ควรรัดแน่นจนอึดอัด ขัดขวางการขยายตัวของกระเพาะอาหาร

3. กินอาหารตามปกติ
ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า หรือกลางวัน ก็ควรกินตามปกติ เพราะถ้าอดอาหาร กระเพราะจะหดตัว กลายเป็นว่ากินได้นิดหน่อยก็จุกซะแล้ว เพียงแต่อาจจะกินมื้อก่อนหน้าให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ย่อยหมดทันก่อนมื้อใหญ่

4. สำรวจร้านก่อนเริ่มลงมือ
ลองดูตั้งแต่ตำแหน่งที่นั่ง ในกรณีที่ร้านเป็นแบบเดินตักเอง ไม่ใช่แบบสั่งมาที่โต๊ะ การลุกเดินไกลหน่อย จะทำให้ได้เผาผลาญพลังงานบางส่วนระหว่างพักลุกตักอาหาร ทำให้อยู่ต่อได้ยาวขึ้น และควรสำรวจเมนูให้ครบถ้วนก่อนสั่ง ป้องกันเหตุการณ์อิ่มแล้ว แต่เพิ่งเห็นเมนูที่น่ากิน

5. น้ำเป็นตัวแปรสำคัญ
หลีกเลี่ยงน้ำหวาน น้ำอัดลม เพราะเมื่อร่างกายได้รับของหวาน สมองจะสั่งการให้อิ่มและง่วงนอน อีกทั้งน้ำอัดลมยังเป็นแก๊สทำให้ท้องอืด แน่น แนะนำเป็นน้ำเปล่า หรือชาร้อนจะดีที่สุด เมื่อคอแห้งก็ควรใช้วิธีจิบทีละเล็ก ไม่ควรดื่มทีละอึกใหญ่ ๆ

6. ผักก่อน
หลายเสียงต่างยืนยัน ว่าการเปิดงานด้วยผักจะช่วยการขยายตัวของกระเพาะอาหารได้ดี ทำให้กินได้มากขึ้น

7. ตักทีละน้อย ปล่อยแป้งไว้ตรงนั้น
ขณะกำลังหิว คนเราจะหน้ามืดตามัว สั่งรัว ๆ ตักไม่ยั้ง สุดท้ายทุกคนจะกลายเป็นคนดีมีน้ำใจโดยมิได้นัดหมาย ยกอาหารให้กันอย่างไม่มีใครเอา แถมบางอย่างหน้าตาอาจจะดูดี แต่พอกินแล้วกลับไม่ประทับใจ เหลือทิ้งเปล่า ๆ และควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้ง ไม่ว่าจะเป็นข้าว เส้นต่าง ๆ ก็ทำให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย

8. ค่อยกิน ๆ แต่ฟินนาน ๆ
เคี้ยวคำแค่พอประมาณ ไม่กินชิ้นใหญ่จนทำให้กระเพาะทำงานหนัก และไม่ควรเร่งรีบกินเร็วเกินไปจนจุก ควรกินแบบเรื่อย ๆ รักษาจังหวะให้ไม่ขาดตอนจะกินได้ต่อเนื่องนาน สำหรับร้านที่เป็นแบบสั่ง ให้กะเวลาดี ๆ ระวังการทิ้งช่วงรออาหารมาเสิร์ฟ ร่างกายจะคิดว่าอิ่มแล้ว

9. เบาไปหนัก
รสชาติของอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญ เริ่มแรกควรจะปรุงให้น้อยที่สุด และกินอาหารรสอ่อนก่อน เมื่อกินไปได้สักพักค่อยเพิ่มรสชาติอาหารให้จัดขึ้น เช่น เติมพริก บีบมะนาว ปรุงรสซุป จะทำให้ลิ้นไม่เบื่อ และรู้สึกว่าอยากกินต่อ ถ้ากินอาหารรสจัดแต่แรก เมื่อโซเดียมในร่างกายสูงขึ้นจะทำให้ความอยากอาหารน้อยลง แถมยังหิวน้ำบ่อยด้วย

10. ระวังของแอบแฝง
จากข้อต่าง ๆ ข้างต้น จะมีอาหารบางอย่างที่อาจทำให้เราอิ่มเร็วโดยไม่รู้ตัว เช่น แป้งที่ห่อของทอดหนา ๆ ไขมันในน้ำสลัด โซเดียมในน้ำจิ้ม น้ำซุป เนื้อหมัก พวกนี้จะแอบตัดกำลังแบบเนียน ๆ รู้ตัวอีกทีก็หิวน้ำ แน่นท้องซะแล้ว 

11. ของหวานลำดับสุดท้าย
เก็บขนมและน้ำหวาน เป็นตัวล้างปากปิดงาน เพื่อล้างความคาวและให้สมองสั่งการว่าอิ่มแล้ว เป็นอันจบมื้อ

12. อย่ารีบลุก
ในร้านอาหารที่จำกัดเวลา บางคนนั่งจนครบ กวาดทุกอย่างเรียบในนาทีสุดท้าย พอลุกขึ้นเดินก็คือแน่น จุก จึงควรให้เวลาผ่อนการกินลง และได้นั่งพักอย่างน้อย 5 นาที ก่อนลุกขึ้นด้วย

สุดท้ายอย่าลืมกินแต่พอดี รู้ตัวว่าอิ่มแค่ไหน และจัดเวลาออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานที่รับเข้าไปด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับมื้ออาหาร