หากจะกล่าวถึง 'ยาปฏิชีวนะ' คงไม่มีใครไม่รู้จัก แน่นอนว่าคนเราหากไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน มีไข้ แล้วไปพบแพทย์ สิ่งที่แพทย์จะทำนั่นก็คือสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ เรียกได้ว่าเป็นตัวยาอันดับแรก ๆ ที่ใช้รักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหรียญย่อมมีสองด้าน ดาบย่อมมีสองคม หากคุณคือหนึ่งในคนที่บริโภคยาปฏิชีวนะเป็นประจำ แนะนำให้หมั่นสังเกตตนเองให้ดี เพราะภายในร่างกายคนเรานั้นไม่เหมือนกัน และแน่นอนว่าปฏิกิริยาที่ตอบสนองกับยาชนิดต่าง ๆ ย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนบริโภคเป็นประจำกลับไม่แสดงอาการอะไร แต่บางคนกลับมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตก็เป็นได้
หากคุณคือคนที่บริโภคยาปฏิชีวนะ แล้วอยากทราบว่าตนเองมีอาการแพ้หรือไม่ หมั่นสังเกตตนเองให้ดี กับ 4 สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณน่าจะเริ่มมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะแล้วล่ะ
อาการฟันเหลือง
หนึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากการรับประทานยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ กรณีนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่บริโภคยาประเภทนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปีจนทำให้ฟังเหลือง แม้กระทั่งในวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปี หากรับประทานยาประเภทนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน ตลอดไปจนถึงสตรีมีครรภ์ที่บริโภคยาประเภทนี้ ทารกที่คลอดออกมาก็มีสิทธิ์ฟันเหลืองได้อีกเช่นเดียวกัน
อาการข้อเอ็นอักเสบ
สำหรับผู้ที่รับประทานและมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ หนึ่งในอาการที่สามารถจับสังเกตได้นั่นก็คือข้อเอ็นบางส่วนที่เชื่อมระหว่างกล้ามเนื้อและกระดูกของร่างกายอาจเกิดอาการอักเสบขึ้นได้ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องระวังผลข้างเคียงหรืออาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นจากการรับประทานยาคลายกล้ามเนื้ออีกเช่นกัน
อาการตาพร่ามัว
อีกหนึ่งสิ่งที่จับสังเกตได้ไม่ยากหากมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้ฤทธิ์ของยาจะทำให้คนไข้มีอาการตาพร่า หรือมองเห็นภาพซ้อน เป็นอาการแทรกซ้อนอันเกิดจากฤทธิ์ของยาที่มีผลต่อกล้ามเนื้อรอบดวงตา หากเกิดอาการดังกล่าวแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อขอเปลี่ยนเป็นยาฆ่าเชื้อตัวอื่นจะดีกว่า
อาการซึมเศร้า วิตกกังวล
อีกหนึ่งอาการที่เกิดจากฤทธิ์ยา ส่งผลต่อระบบประสาท ส่งผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานและระบบภูมิคุ้มกัน หากมีอาการเหล่านี้และบริโภคติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่หยุดอาจส่งผลให้เกิดอาการวิตกกังวลและกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้นหากทราบว่าตนเองนั้นมีอาการแพ้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อตัวไหนก็แล้วแต่ แนะนำให้จำชื่อยาตัวนั้นไว้ให้ดี และหยุดใช้ทันทีที่เป็นไปได้ หากในครั้งต่อไปที่มาพบแพทย์หรือมีเหตุให้ต้องติดต่อสถานพยาบาล อย่าลืมแจ้งให้บุคลากรทางการแพทย์ทราบด้วยว่าแพ้ยาตัวใด ทั้งนี้เพื่อที่แพทย์จะได้จัดเตรียมยาที่เหมาะสมให้ และเพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เองด้วย