สำหรับยุคที่รายได้หลักอาจไม่เพียงพอ หรืออยากผันตัวมาเป็นแม่ค้าดูบ้าง การขายของออนไลน์ดูจะตอบโจทย์ทุก ๆ อย่าง แต่การจะเริ่มขายต้องทำยังไง ขายอะไร และมีเทคนิคอะไรบ้างล่ะ ?

การขายของออนไลน์มีข้อดีคือ ไม่ต้องเสียค่าเช่าหน้าร้าน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเรื่องจุกจิกอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ ขายยังไงให้คนเห็นหน้าร้านเราง่าย ๆ หรือขายอะไรที่จะได้กำไรเยอะ ๆ วันนี้เราเลยรวบรวมสินค้าและเทคนิคการขายของออนไลน์สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่มาฝากกัน มีอะไรบ้างไปดูเลยค่ะ

สินค้าแนะนำสำหรับขายออนไลน์

1. เครื่องประดับ

สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อมาขายกัน เพราะสามารถเลือกได้ตามรสนิยมของผู้ขายได้เลยค่ะ บางคนเลือกขายกิ๊บติดผม ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน ฯลฯ หรือบางคนเลือกนำเครื่องประดับมาจัดเซตกันแล้วขายทีเดียว สามารถเพิ่มกำไรให้ได้บ้าง จุดสำคัญของการเลือกขายเครื่องประดับคือ ต้องเลือกเครื่องประดับที่คุณภาพดี ตั้งราคาอย่างเหมาะสม การจัดไฟถ่ายภาพก็ควรพิถีพิถัน เพราะภาพเครื่องประดับสวย ๆ ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าเรามากขึ้นได้นะคะ

ถ้าใครสั่งพรีออเดอร์มาจากต่างประเทศ ต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการขนส่ง ต้นทุนภาษี และอุปสรรคต่าง ๆ เตรียมไว้ด้วยนะคะ

2. เสื้อผ้า

เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงแทบทุกคนกดซื้อ เพราะถ้าเจอที่ถูกใจแล้วก็จะเวียนเข้าร้านนั้นอยู่เป็นประจำ ทำให้เราได้ลูกค้าประจำได้ง่ายและต่อเนื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงมาก ๆ คือคุณภาพของเสื้อผ้าที่เราเลือกมา การตัดเย็บและการใช้เนื้อผ้าควรมีมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ซื้อประทับใจและกลับมาซื้อใหม่กับร้านเรา แต่ทั้งนี้การขายเสื้อผ้าต้นทุนค่อนข้างสูงนะคะ เพราะเราต้องกักตุนเสื้อผ้าแต่ละแบบให้มีหลากหลายไซส์ (บางแบบมีหลายสี) ถ้าตุนสินค้าน้อยเกินไป ผู้ซื้อก็อาจไม่ประทับใจ หรือถ้าตุนมากเกินไปก็อาจจมทุนได้เช่นกัน ต้องบริหารกันดี ๆ นะ

ถ้าใครสั่งพรีออเดอร์มาจากต่างประเทศ ต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการขนส่ง ต้นทุนภาษี และอุปสรรคต่าง ๆ เตรียมไว้ด้วยนะคะ

3. สารพัดของกุ๊กกิ๊ก

ของเล่นหรือสินค้าน่ารักต่าง ๆ อาทิ พวงกุญแจ เข็มกลัด กระเป๋าผ้า เครื่องเขียน แก้วน้ำ ตุ๊กตา หมอนผ้าห่ม ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการขายออนไลน์ค่ะ ถ้าจัดการถ่ายภาพให้ดูน่ารัก สดใส ด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งดึงดูดให้ผู้ซื้อให้เข้ามากดซื้อสินค้าเราได้ไม่ยากเลย ถึงของเหล่านี้จะไม่ใช่ของจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามีการถ่ายภาพที่ดี ร่วมกับการตลาดที่รัดกุมก็สามารถขายได้เรื่อย ๆ เช่นกัน

4. งานคราฟ

อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่มีใจรักในการประดิดประดอยค่ะ งานคราฟเป็นสินค้าที่ยูนีคมาก ๆ เพราะอยู่ที่ฝีมือและรสนิยมของเราล้วน ๆ ว่าจะทำอะไร หน้าตาแบบไหน ส่วนใหญ่งานคราฟจะรับทำงานแบบ Made to Order ด้วย คือ ทำตามวาระหรือโอกาสต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานวันเกิด งานครบรอบต่าง ๆ เป็นต้น ตัวอย่างงานคราฟยอดนิยม เช่น งานแป้งปั้น ตุ๊กตาโครเชต์ ตุ๊กตาใยขนแกะ เทียนหอม การจัดดอกไม้ประดิษฐ์ น้ำหอม เป็นต้น ทั้งนี้การจัดทำงานคราฟสำหรับขาย ควรกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนให้ผู้ซื้อรับทราบว่ารับรอบละกี่ชิ้น ใช้เวลาทำนานแค่ไหน เพื่อให้ผู้ซื้อจัดสรรเวลาในการซื้อได้ง่ายขึ้น

5. ต้นไม้

ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ หรือต้นกระบองเพชร กำลังเป็นที่นิยมเลยล่ะค่ะ เพราะดูแลรักษาง่าย ขนส่งไม่ยาก พอใช้ตกแต่งห้องหรือโต๊ะทำงานแล้วดูสดใสมีชีวิตชีวา สดชื่น เหมาะสำหรับคนที่รักบรรยากาศสีเขียวแต่ไม่มีเวลาไปเดินเลือกต้นไม้ซื้อเอง นอกจากนี้หากเราเพิ่มกิมมิคในการขายต้นไม้ลงไป เช่น ความหมายของต้นไม้แต่ละต้น คุณประโยชน์ของต้นไม้ หรือมีการขายกระถาง ปุ๋ย ช้อนปลูกส้อมพรวนน่ารัก ๆ เพิ่มเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งดึงดูดใจให้ลูกค้าอยากซื้อของกับเราเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย

6. ของแต่งบ้าน

อีกหนึ่งสิ่งที่ความต้องการค่อนข้างสูงคือ ของแต่งบ้าน ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะน่ารัก ๆ เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่รองเท้า โต๊ะเล็ก แจกัน ตุ๊กตาแต่งบ้าน กล่องใส่ของ ฯลฯ เพราะทุกคนย่อมอยากแต่งบ้านให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างละนิดละหน่อย ดังนั้น ของแต่งบ้านน่ารัก ๆ ที่จัดการถ่ายภาพสวย ๆ ให้มีสไตล์ของตัวเองชัดเจน จะช่วยให้ผู้ซื้อเลือกของแต่งบ้านที่ชอบ และเข้ากับสไตล์การแต่งบ้านของพวกเขาได้ง่ายขึ้นค่ะ นอกจากนี้หากเรานำเสนอการจัดส่งที่สะดวกสบายและปลอดภัยต่อสินค้า ก็จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือและความประทับใจให้ร้านเรามากขึ้นได้ด้วยนะ

7. ภาพถ่าย / ภาพวาด

สินค้าหมวดนี้เหมาะสำหรับคนที่มีฝีมือด้านการถ่ายภาพและวาดภาพมากเป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะสามารถนำสกิลติดตัวมาเป็นรายได้เสริมได้นั่นเอง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาสร้างเว็บหรือร้านค้าเอง เพียงอัพไฟล์ไปตามแหล่งขายภาพต่าง ๆ เช่น shutterstock หรือ gettyimage ก็สามารถขายได้แล้ว เมื่อเริ่มขายได้มากขึ้น ผู้คนรู้จักมากขึ้นค่อยขยายไปเปิดเว็บไซต์ของตัวเองก็ยังไม่สาย

สำหรับสายภาพวาด แนะนำทริคดี ๆ อีกนิด นอกจากเราจะนำชิ้นงานภาพวาดไปขายเป็นรายชิ้นได้แล้ว เรายังสามารถอัดวีดีโอขณะวาดภาพเพื่ออัพไฟล์ขายได้ด้วยนะคะ นับว่าเป็นรายได้ 2 ต่อ ต่อ 1 ภาพเลยทีเดียว

8. อาหารคลีน

ช่วงหลังมานี้กระแสอาหารคลีนมาแรงมากค่ะ การทำข้าวกล่องอาหารคลีนส่งตามบ้านจึงเป็นที่นิยมมาก ดังนั้น หากจะขายอาหารคลีน เราควรทำการตลาดให้ดีว่าเขาขายอะไร เมนูไหน แล้วลองครีเอทเมนูที่แตกต่าง หน้าตาน่ารับประทาน รสชาติอร่อยถูกปาก และมีโปรโมชั่นที่ถูกใจลูกค้า ก็สามารถเปิดครัวทำอาหารคลีนขายได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว

ข้อควรคำนึงก่อนการทำอาหารขายออนไลน์คือ อาหารมีวันหมดอายุ ค่ะ เราต้องคำนวณจำนวนวัตถุดิบกับจำนวนออเดอร์สั่งซื้อให้ดี ๆ เพราะหากเตรียมวัตถุดิบมากไปก็อาจทำให้บูดเน่า ส่งผลให้ต้นทุนสูญไปเปล่า ๆ หรือถ้าเตรียมน้อยเกินไปก็ทำไม่พอ ทำให้ลูกค้าไม่พอใจได้

9. เบเกอรี่

สำหรับคนที่มีงานอดิเรกเรื่องการทำขนม หรืออยากทำขนมขาย สามารถทำได้เช่นกันค่ะ อาจจะเน้นให้หน้าตาขนมดูน่ารักน่ารับประทาน สีสันสดใส มีเมนูให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย หากยิ่งถ่ายภาพสวยก็จะยิ่งช่วยดึงดูดลูกค้าได้ ที่สำคัญรสชาติต้องดี อาจมีตัวเลือกพิเศษ เช่น ใช้นมอัลมอนด์ มีเมนูที่ปราศจากกลูเตน หรือเป็นเมนูไร้แป้ง สำหรับคนรักสุขภาพหรือคนแพ้วัตถุดิบต่าง ๆ ก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นการขายได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ควรคำนึงถึงวันหมดอายุของสินค้าเหมือนกับอาหารคลีนด้วยเช่นกันค่ะ เพราะหากเก็บไว้นานวัตถุดิบต่าง ๆ อาจเน่าเสียได้ นอกจากนั้น การขนส่งขนมควรระมัดระวังมากกว่าอาหาร เพราะมีโอกาสเละง่ายค่ะ

เทคนิคการขายออนไลน์

1. ชื่อและโลโก้ร้านต้องจำง่าย สะดุดตา

พอเลือกได้แล้วว่าเราจะขายอะไร อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงมาก ๆ คือ ชื่อกับโลโก้ร้านค่ะ เพราะถ้าชื่ออ่านง่าย โลโก้ชัดเจน เห็นปุ๊บสะดุดตา จำได้ปั๊บ ก็ช่วยให้ร้านเรามีชัยไปกว่าครึ่ง นอกจากนี้ชื่อและโลโก้ยังควรสื่อถึงสิ่งที่เราขาย เพื่อช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านของเราได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ

2. มีแผนการตลาดที่รัดกุม

ก่อนจะเปิดหน้าร้านออนไลน์ขายของใด ๆ ก็ตาม ควรทำการตลาดควบคู่ไปด้วยค่ะว่าสินค้าที่เราเลือก มีคนขายอยู่เท่าไหร่ และเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อรึเปล่า (ขุดเอาหลักการ Demand & Supply มาใช้ได้เลยค่ะ) เพราะถ้าคนขายเยอะแล้วสินค้าเราเหมือนหรือคล้ายกับเขา โอกาสที่เราขายได้จะน้อยตามลงไปด้วย แต่ถ้าสินค้าแปลกแหวกแนวมากเกินไปก็อาจไม่มีคนซื้อได้เช่นกัน ดังนั้น แผนการตลาดที่ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว

3. เงินทุนต้องพร้อม

การค้าขายทุกประเภท ย่อมต้องมีเงินทุนสำรองเตรียมพร้อมไว้เสมอค่ะ เพราะเราไม่รู้อนาคตเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะขายของได้กำไรมากน้อยแค่ไหน หรืออาจต้องเพิ่มช่องทางการโฆษณาร้านอีกกี่วิธี ดังนั้น การมีเงินทุนสำรองไว้หมุนเวียนจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก และอย่าลืมทำใจล่วงหน้า เพราะช่วง 1-2 ปีแรกร้านออนไลน์ของเราอาจประสบภาวะขาดทุนได้ แต่ถ้ากัดฟันอดทนและหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุดตรงประเด็น ร้านของเราก็อาจค่อย ๆ มีกำไรขึ้นมาได้นะ

4. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างรัดกุม

เคยได้ยินที่เขาพูดว่า “ขายดีจนเจ๊ง” กันไหมคะ สาเหตุมาจากการบันทึกรายรับรายจ่ายที่ไม่รัดกุมนี่ล่ะค่ะ เพราะพอเห็นว่าร้านขายดีก็ยิ่งสั่งมาขายเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนลืมคำนึงถึงต้นทุนที่อาจสูงขึ้นตาม เมื่อปรับราคาขายกับราคาทุนไม่สมดุลกัน ก็ส่งผลให้รายรับลดลง จากได้กำไรกลายเป็นขาดทุนนั่นเอง ดังนั้น การวางระบบรายรับรายจ่ายของร้านให้ดี บันทึกอย่างละเอียดรอบคอบตั้งแต่ร้านเปิด จึงช่วยให้เรารู้ต้นทุนและกำไรที่แท้จริง และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นค่ะ

5. การบริการต้องมาเป็นอันดับต้น ๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการตัดสินใจซื้อของแบรนด์หนึ่ง ๆ ของลูกค้ามาจากการบริการของแม่ค้านี่ล่ะค่ะ ถ้าเราพูดจาดี กระตือรือร้น ยินดีให้ข้อมูลลูกค้า ไม่เหวี่ยงวีนหรือตอบแบบขอไปที ลูกค้าย่อมอยากอุดหนุนสินค้าและบริการของเราแน่นอนค่ะ และต้องไม่ลืมบริการหลังการขายด้วยนะคะ เมื่อสินค้าชำรุดหรือมีอุปสรรคระหว่างขนส่ง หากเราดูแลลูกค้าดีก็จะยิ่งเสริมความประทับใจให้เขากลับมาร้านเราเพิ่มขึ้นได้นะ

ทั้งนี้ การขายของออนไลน์อยู่ที่การวางแผนการตลาดที่ดีและต้องอดทนให้มาก ๆ  ค่ะ เราต้องผ่านช่วงที่ลูกค้าน้อยและขายขาดทุนไปบ้าง แต่ขอให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ไปให้ได้ แก้ปัญหาให้ถูกจุด เจอปุ๊บรีบแก้ปั๊บอย่างมีสติ อย่าเพิ่งท้อหรือถอดใจง่าย ๆ เมื่อร้านผ่านจุดยาก ๆ เหล่านั้นไปได้ รับรองว่าจะต้องขายดิบขายดีชนิดไม่ต้องพักผ่อนกันเลยล่ะค่ะ

ช่องทางการไปขาย คลิกเล้ยยยยย

รวมเว็บขายของออนไลน์ ฟรี ! ใคร ๆ ก็มีร้านค้าเป็นของตัวเองได้