ลง BTS สถานีพญาไท ทางออกที่ 4 แล้วเลี้ยวขวาเดินตามถนนศรีอยุธยาไปอีกราว 400 เมตรก็จะถึง วังสวนผักกาด ที่ประทับของพลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือ ‘เสด็จในกรมฯ’ และชายา คือ ม.ร.ว.พันธุ์ทิพย์ บริพัตร หรือ ‘คุณท่าน’ และที่ชื่อ ‘สวนผักกาด’ ก็เพราะว่าที่ผืนนี้เดิมเคยเป็นสวนผักกาดมาก่อนนั่นเอง
จากทางเข้าจะเห็นพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่ด้านหน้าเรา ถัดไปจะเป็นอาคารศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ ที่ทำการของมูลนิธิจุมภฏ – พันธุ์ทิพย์ ซึ่งคุณท่านก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระสวามี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาด้านโบราณคดี เกษตรกรรม วัฒนธรรม และศิลปกรรมไทย รวมทั้งการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรเข้าชมอยู่ภายในห้องแรกสุดของชั้นล่าง เป็นห้องเดียวกับที่จำหน่ายของที่ระลึก บัตรชาวไทย 50 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท เข้าออกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายใน 1 วัน (9.00 - 16.00 น.) หากครอบครัวใดนำรถมาก็สามารถจอดได้ที่ลานจอดรถด้านหน้าเลยค่ะ
ห้องแรกที่เราจะไปชมกันอยู่ด้านบนชั้น 2 ของอาคารนี้ คือ พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ซึ่งมีนิทรรศการให้ความรู้มากมาย อนุรักษ์และจัดแสดงโบราณวัตถุจากบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีมรดกโลกไว้อย่างดี มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา ลูกกลิ้งทำลายเครื่องปั้นดินเผาในสมัยนั้น กำไลแก้ว ลูกปัด เครื่องใช้สำริด เช่น ทัพพีสำริดที่มีการหล่อลายรูปสัตว์ประดับปลายทัพพีอย่างงดงาม
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับโบราณวัตถุและอุปกรณ์จัดแสดงต่าง ๆ จึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในห้องจัดแสดงและเรือนไทยต่าง ๆ หน้าห้องมีระเบียงน่านั่งและที่บริเวณใกล้ ๆ กันก็มีห้องน้ำสะอาดมาก ๆ เลยค่ะ
เมื่อลงบันไดมาทางด้านหลังก็จะถึงสนามหญ้าอันร่มรื่น มีบึงน้ำเล็ก ๆ ด้วย
มองไปจะเห็นหอเขียนตั้งอยู่อย่างงดงาม เป็นมุมที่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้
นอกจากนี้ต้นไม้สวย ๆ ในสนามหญ้ายังมีป้ายบอกชื่อและข้อมูลด้วยค่ะ
จากนั้นก็เดินขึ้นสะพานศริพร สะพานเล็ก ๆ ทอดข้ามลำธารที่ไหลมาจากสระน้ำไปยังหมู่เรือนไทย 8 หลัง 4 หลังแรก จัดเป็นหมู่เรือนแบบโบราณ โดยบางหลังก็เป็นเรือเก่าแก่ดั้งเดิมของพระญาติ
เริ่มจากเรือนหลังที่ 1 ซึ่งใต้ถุนเรือนได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ดนตรีทูลกระหม่อมบริพัตรฯ (พระบิดาของเสด็จในกรมฯ) ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น ‘พระบิดาแห่งเพลงไทยสากล’ ภายในจัดแสดงนิทรรศการและเครื่องดนตรีไทยมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องดนตรีของราชสกุลบริพัตร นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีที่ได้จากต่างประเทศด้วย เช่น ฆ้องจีน เป็นต้น
พอขึ้นไปชั้นบนจะมีถุงใส่รองเท้าไว้ให้นำรองเท้าใส่ถุงหิ้วเดินไปด้วยได้ค่ะ ภายในเรือนหลังที่ 1 จัดแสดงโบราณวัตถุต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป งานประติมากรรมต่าง ๆ ภาพเขียนสีฝุ่น ภาพแกะไม้ และมีสะพานเชื่อมไปยังเรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งมีการจัดแสดงของสะสมและเครื่องเรือนเครื่องใช้ส่วนพระองค์ มีการจัดวางฉลองพระองค์ครุยของเสด็จในกรมฯ และสไบกรองทองของคุณท่านไว้คู่กันบนพระแท่นบรรทม ให้ชนรุ่นหลังได้ระลึกถึงตราบนานเท่านาน
ด้านล่างของหมู่เรือนนี้มีการจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารไว้ และมีน้ำตกเล็ก ๆ อยู่ด้านใน และมีศาลาริมน้ำอันร่มรื่นด้วยค่ะ
ถัดมาจะเป็นหมู่เรือนไทยหลังที่ 5-8 ซึ่งด้านบนมีสะพานและระเบียงเชื่อมถึงกัน โดยหลังที่ 5 นั้นด้านบนจัดแสดงโบราณวัตถุบ้านเชียง ด้านล่างจัดแสดงหินแร่ ฟอสซิล และเปลือกหอย
ส่วนหลังที่ 6 นั้นเป็นพิพิธภัณฑ์โขน ซึ่งภายในชั้นล่างมีการจัดแสดงตุ๊กตาโขนชุดรามเกียรติ์ บางกอกดอลล์ ที่มีการติดตั้งระบบแสงสีเสียง และระบบเคลื่อนทัพเลียนแบบการแสดงโขนไว้ด้วยค่ะ
ในขณะที่หลังที่ 7 และ 8 จัดแสดงเครื่องสังคโลก และเครื่องใช้ส่วนพระองค์ บริเวณใกล้เคียงกับเรือนไทยหลังต่าง ๆ จะมีห้องน้ำเป็นระยะให้บริการ
แล้วก็มาถึงไฮไลต์สำคัญของวันนี้ หอเขียน เดิมเป็นหอไตรที่ชำรุดทรุดโทรมมาก อยู่ภายในวัดบ้านกลิ้ง ซึ่งเป็นวัดเล็ก ๆ ในพระนครศรีอยุธยาที่เกือบจะร้างอยู่แล้วในตอนนั้น เสด็จในกรมฯ จึงทรงให้ผาติกรรมโดยสร้างศาลาสวดมนต์และศาลาท่าน้ำถวายวัด แล้วย้ายหอชำรุดนี้มาบูรณะซ่อมแซมเป็นหอเขียน ประทานเป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 50 ของคุณท่าน ในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2502
สันนิษฐานกันว่าหอเขียนนี้ ประกอบขึ้นด้วยไม้ที่มาจากตำหนักเก่าของเจ้านายสมัยอยุธยา ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 22 โดยดูจากช่องหน้าต่างแบบอิทธิพลฝรั่ง ที่เริ่มแพร่หลายหลังสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ลวดลายแกะไม้ที่ผนังด้านนอก และภาพลายรดน้ำเรื่องพุทธประวัติและรามเกียรติ์ที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีความงดงามมาก ๆ
เยื้อง ๆ กับหอเขียนเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่งเก้ากึ่งพยาม ซึ่ง ร.5 พระราชทานแก่ ทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ทรงใช้ในขบวนเรือตามเสด็จประพาสต้น เรือลำนี้มีขนาดยาว 9 วาครึ่ง (19 เมตร) ตัวเรือทำด้วยไม้ตะเคียนทองและเก๋งเรือ ทำด้วยไม้สักทอง
แล้วก็วนกลับมาถึงอาคารศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ อีกครั้ง ในโซนจำหน่ายของที่ระลึก มีการจัดแสดงภาพฝีพระหัตถ์ของหม่อมเจ้าหญิงมารศีสุขุมพันธุ์บริพัตร หรือ ‘ท่านหญิง’ ศิลปินดีเด่นผู้เป็นพระธิดาพระองค์เดียวของเสด็จในกรมฯ และคุณท่านเจ้าของวังด้วยค่ะ
และหากอยากเก็บภาพสวย ๆ ภายในอาคารก็สามารถซื้อโปสการ์ดสวย ๆ หรือหนังสือของที่ระลึกได้นะคะ เป็นการร่วมสนับสนุนการดูแลรักษาวังอันเป็นโบราณสถานทรงคุณค่าแห่งนี้ และส่งเสริมการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ด้วยค่ะ