วันนี้ครูพิมจึงอยากนำเทคนิคพื้นฐานของการเป็นพ่อแม่เชิงบวกมาเล่าสู่กันฟังค่ะ โดยเทคนิคเหล่านี้ จะสามารถนำไปปรับใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยากนัก และหากเราใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ก็แทบจะทำให้เราไม่ต้องใช้เทคนิคหรือกลวิธีพิเศษใด ๆ เพิ่มเติมเลย ก็สามารถที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่น่ารักทั้งสำหรับเราและสำหรับผู้อื่นได้แล้วล่ะค่ะ มาดูกันเลยนะคะว่า เทคนิคเหล่านั้น มีอะไรกันบ้าง
ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ ข้อหนึ่งของการอยู่ร่วมกันในบ้านอย่างสันติ และเป็นวิธีการสร้างวินัยให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็คือ การกำหนดกิจวัตรประจำวันของเด็ก ๆ อย่างชัดเจนตั้งแต่ยังเล็ก ๆ นั่นเองค่ะ โดยกิจวัตรที่ว่านี้ ได้แก่ การเข้านอน การตื่นนอน การรับประทานอาหาร และอาจจะมีช่วงของการเล่น การทำกิจกรรมร่วมกัน การเรียน การทบทวนบทเรียน รวมไปถึงการกำหนดช่วงเวลาพักผ่อนเป็นส่วนตัว
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรเริ่มกำหนดในจุดที่เหมาะสมกับช่วงวัย เช่น เริ่มต้นจากการฝึกนอนยาวในเด็กเล็ก เริ่มฝึกมื้ออาหารสำหรับเด็กวัยเตาะแตะ และเริ่มลงรายละเอียดด้านเวลามากขึ้นเมื่อเข้าเรียน อย่างไรก็ตาม การกำหนดตารางเวลานี้ ควรเป็นไปอย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์ ลักษณะครอบครัวแต่ละครอบครัว และไม่ควรที่จะตึงหรือหย่อนจนเกินไป หากบางครั้งการกำหนดเวลาทำให้เกิดปัญหาบางอย่างเพิ่ม หรือพบว่าไม่เหมาะสมกับการนำไปใช้จริง ก็ควรจะมีการปรับตามความเหมาะสมค่ะ
หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินคำพูดว่าที่ว่า Kind but Firm กันมาบ่อย ๆ นะคะ สำหรับคำ ๆ นี้ ความหมายของมันก็คือ การสร้างวินัยเชิงบวก ด้วยความใจดีแต่ก็มีความหนักแน่นกับความถูกผิด เรียกว่า ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ไม่ทำอะไรให้มากจนเกินพอดี เช่น ไม่ให้รางวัลเกินพอดี ไม่ลงโทษเกินขอบเขต โดยเฉพาะในข้อหลังนี้ สำคัญมาก เพราะหลาย ๆ ท่านยังคงคิดว่า การลงโทษที่ได้ผล ต้องดุดัน จริงจัง ใช้กำลัง หรือต้องวางอำนาจ
แต่แท้จริงนั้น แนวทางการเลี้ยงลูกเชิงบวก เราแทบจะไม่พูดถึงการลงโทษที่ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจกันเลย แต่ตรงกันข้าม เราจะเลือกใช้วิธีการที่หนักแน่นในเหตุและผล รวมถึงการยึดตามข้อตกลงเป็นหลัก จริงจังกับคำพูดที่กำหนดไว้ร่วมกันกับลูก และทำให้สม่ำเสมอ เช่น เริ่มต้นที่ข้อที่แล้ว คือการยึดกิจวัตรประจำวันให้มั่น เหล่านี้เป็นต้นค่ะ
หลาย ๆ ครั้ง การลงโทษเด็ก มักจบด้วยความอับอาย แต่เด็กกลับไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดจากการกระทำนั้น ๆ เลย หนำซ้ำ ความอับอายนั้น หลายครั้งนำไปสู่ความแค้น ความโกรธเคืองที่มากขึ้นกว่าเดิม จนเก็บไปเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงที่มากขึ้น ดังนั้น ด้วยแนวทางการเลี้ยงลูกเชิงบวก วิธีการหนึ่งที่เราทำได้เสมอก็คือ การปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ผลจากสิ่งที่เขาทำ โดยเราไม่ต้องเข้าไปช่วยจัดการหรือทำให้สถานการณ์นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่จำเป็น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การปล่อยให้ลูกเรียนรู้ความรู้สึกหิว จากการไม่ยอมทานอาหารตามเวลา เป็นต้นค่ะ
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก