ของของใคร ใครก็ต้องหวง โดนเฉพาะคนรัก ยิ่งรักมากก็ยิ่งหวงมาก ไม่แปลกที่สาว ๆ มักมีอาการลมเพรชหึงตีกลับจนเลือดเข้าตาเกิดดราม่าน้ำตาริน เป็นเรื่องปรกติที่คู่ไหน ๆ ก็เป็น ใครไม่หึงไม่หวงแฟนเลยนี่สิ น่าคิด แต่ถ้า "หึง" และ "หวง" มากเกินไปอาจสั่นคลอนความสัมพันธ์ได้นะ !

รู้รึเปล่าตัวการบันทอนความสัมพันธ์ของคู่รักมักเกิดจากการหวาดระแวง หึงหวงจนเกินพอดี มีคำกล่าวว่า "ผู้หญิงขี้หึงหาข่าวได้ลึกกว่า FBI" เชื่อว่าหลายคนก็ไม่ชอบเหมือนกันที่ต้องคอยนั่งหวาดระแวง ตามหึวหวง ราวีใครก็ตามที่เฉียดเข้ามาใกล้แฟนเราจนหาความสุขไม่ได้ เห็นแล้วเหนื่อยแทน ผู้ชายก็หนีหายไปหมด มาค่ะสาว ๆ ก่อนที่อาการจะกำเริบหนักไปมากกว่าที่เป็นอยู่ มาเริ่มบำบัดตัวเองกันดีกว่า ด้วย 5 สเต็ปต่อไปนี้ เพื่อความสงบสุขในชีวิตคู่

สเต็ป 1 ทำความเข้าใจใหม่

คิดว่าการแสดงอิทธิฤทธิ์ ฟาดงวงฟาดงาตามอาละวาดราวี แสดงออกเต็มที่ว่า "ฉันหึงนะ" จะทำให้ผู้ชายกลัวจนไม่กล้านอกใจใช่ไม่ล่ะ? เสียใจนะจ๊ะคำตอบก็คือ ไม่ใช่เลย เพราะถ้าแฟนคุณเป็นคนเจ้าชู้ระดับตัวพ่อ ก็มักจะมีความลื่น เหมือนปลาไหลเล่นไอซ์สเก็ต สรรค์หาวิธีมาหลวงและหลอกให้คุณตายใจแอบไปหาเศษหาเลยกับคนอื่นได้อยู่ดี  หันกลับมาทำความเข้าในว่าการแสดงความหึงหวงอาจดัดนิสัยให้ผู้ชายเลิกเจ้าชู้ ถ้าเขารักเรายังไงก็อยู่กับเราแต่ถ้าไม่ แผงฤทธิ์ไปเท่าเหนื่อยเปล่าจ้า 

สเต็ป 2 มั่นใจในตัวเองเข้าไว้

ยอมรับมาเถอะว่าที่ คอยหึงคอยหวงผู้ชายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพราะเราแอบไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ลึก ๆ กลัวว่าเขาจะไปเจอคนที่ สวยกว่า สาวกว่า เพอร์เฟ็กกว่าเรา! หยุดค่ะ อย่าไปคิด เลิกนอยด์แล้วกลับมามั่นใจในตัวเองเพราะคุณมีดี มีเสน่ห์ให้ตัวเองอยู่แล้ว เขาถึงเข้ามาจีบไง เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ เพราะสิ่งที่มัดใจเขาได้ก็คือตัวตนภายในที่คุณเป็นนะ !

สเต็ป 3 หาต้นเหตุของปัญหา ผิดที่เรา ? หรือเขาเฟรนด์ลี่เกินไป ?

ดึงสติกลับมาแล้วเปิดใจให้กว้างพิจารณาดี ๆ ว่าระหว่าเขากับคุณใครคือต้นเหตุของสงครามแห่งความหึงหวงที่เกิดขึ้น ถ้าผิดที่คุณหูเบา อ่อนแออ่อนไหวไปกับคำพูด คำยุของผู้หวังดีประสงค์อะไรก็ไม่รู้ทั้งหลายแหล่ที่รายล้อมรอบ ๆ ตัวได้ง่ายดายเกินไป  ก็ต้องยิ่งสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น ใช้สติกลั่นกรองเรื่องราวที่รับฟัง ให้รู้แน่ก่อนว่าความจริงคืออะไร  หรือที่หึงเป็นเพราะปมในใจอะไรก็ตามที่หาสาเหตุไม่เจอก็พยายามคิดบวกไว้ก่อน อย่าพึ่งคิดไปในทางลบเดี๋ยวพาลไม่สบายใจปล่อยเวลาให้ผ่านไปใจเย็นลงแล้วค่อยมาพิจารณาใหม่จะดีกว่าค่ะ

ถ้าเป็นเพราะเขา เฟรนด์ลี่เกินไป คุณเองต้องเป็นฝ่ายเปิดใจให้กว้างเข้าใจในตัวตนของแฟน รองพูดคุณปรึกษากันดูว่าจะปรับได้เท่าไหนถึงจะสบายใจทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเป็นเพราะเขาไม่เสมอต้นเสมอปลาย เปลี่ยนไปเพราะหมดโปรโมชั่น! อันนี้ต้องถามใจตัวเองค่ะว่า เลเวลการให้อภัยของเรามีแค่ไหน แล้วให้อภัยแล้วมีอะไรดีขึ้นรึเปล่า ถ้ายิ่งแย่ก็ต้องหยุด ทนเจ็บซ้ำๆมันไม่ดีต่อสุขภาพจิตนะคะ หันกลับมารักตัวเองดีกว่า

สเต็ป 4 ทบทวนความสัมพันธ์

ถามตัวเองก่อนว่าความสัมพันธ์ที่เรามีอยู่ตอนนี้มันยังแฮปปี้ดีอยู่ไหม ถ้าพอใจแล้วก็อย่าปล่อยให้ความหึงหวงไร้สาระมาบันทอน ทำลายช่วงเวลาดี ๆ กับคนดี ๆ ที่เรารักเลยค่ะ มันไม่คุ้ม เปิดตาข้างหนึ่ง เปิดใจให้กว้างอีกนิดอาจทำให้คุณและแฟนแฮปปี้มาขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าความรักครั้งนี้มันไม่โอฯ เอาเสียเลยก็ลองหาสาเหตุดูก่อนว่าเป็นเพราะอะไรกันแต่แล้วแก้ไขกันไปตามเหตุและผล ไม่ใช่เพราะฤทธิ์รักแรงหึงอาจทำให้จบไม่สวยแล้วบาดเจ็บสาหัสกันไปทั้งสองฝ่าย ใจเย็น ๆ นะจ๊ะ

สเต็ป 5 ทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้

หาอะไรทำ อยู่กับเพื่อนหรือกับตัวเองบ้างค่ะจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่าน อย่าปล่อยให้ตัวเองว่างจนเอาแต่จ้องจับผิดแฟนไปเรื่อยเปลื่อย จากที่ไม่มีเรื่องก็ทำจนมันเป็นเรื่องจนได้ อาจลุกลามบานปลายใหญ่โตจนต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ถ้าต้องมานั่งนอยด์ หวาดระแวงคิดไปสาระพัด เต้นระริกไปตามแรงอารมณ์แล้วมันทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ แถมไม่มีประโยชน์อันใดก็พัก ๆ บ้างนะคะซิส

ความรักเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ที่ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างเข้ามาหล่อเลี้ยงให้เติบโตและประคบประคองให้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเพื่อความสุขของคุณทั้งคู่ ความขี้หึงไม่ใช่เรื่องผิด หากแต่หึงจนไม่ลืมหูลืมตา หึงขาสติไม่มีเหตุผลต่างหากที่ผิด ไม่ดีต่อความรัก ไม่ได้สร้างความสุขใด ๆ จนทำให้เหนื่อยทั้งคู่กลายเป็นผลักไสคนรักให้ยิ่งรีบเดินออกไปจากชีวิต แต่ถ้าจะไม่หึงเลยเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไม่รักแฟนไปเสียอีก ยังไงก็พยายามปรับดีกรีความหึงให้พองาม เติมความหวานอย่างลงตัว พูดคุยเปิดใจค่อยปรับเข้าหากันนะคะ จะได้รักกันนาน ๆ มีความสุขตลอดไปเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน หวานให้คนอื่นอิจฉา แอร๊ยยยยย