แต่ในความจริงแล้ว การที่ลูกของเราจะเจริญเติบโตเป็นเด็กที่เก่ง เรียนรู้ได้ดี และมีความฉลาดสมวัยนั้น การกระตุ้นพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก
คำว่า “พัฒนาการ” หมายถึง การเปลี่ยนแปลงด้านการทำหน้าที่ (Function) และวุฒิภาวะ (Maturity) ของอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงลักษณะพฤติกรรมและการแสดงออกของตัวบุคคลเองที่เป็นไปอย่างสมวัย ซึ่งการที่ลูกจะมีพัฒนาการในแต่ละด้านอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและการจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้จากพ่อแม่
หมายถึง ความสามารถในการทรงตัวและเคลื่อนไหวโดยการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross motor) และกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor) ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการใช้มือและตาทำงานประสานกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ (Fine motor-adaptive) ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามวัย
ลูกจะมีความยากลำบากในการจัดระเบียบร่างกายและการใช้อวัยวะในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นลำตัว แขน ขา กล้ามเนื้อ เอ็น ต่อข้อต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการทรงตัว การเคลื่อนไหวร่างกายไม่คล่องแคล่ว ทำให้มีความยากลำบากในการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน อีกทั้งการที่กล้ามเนื้อมือมัดเล็กไม่แข็งแรง ยังทำให้เกิดอุปสรรคในการเขียนหนังสือ หรือหยิบจับสิ่งของได้ไม่สะดวก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดีเท่าที่ควร
หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง รู้คิด รู้เหตุผล และแก้ปัญหาได้ พัฒนาการด้านสติปัญญาแสดงออกอย่างชัดเจนจากการใช้ภาษา เข้าใจภาษา และทักษะในการแก้ปัญหาได้อย่างสมวัย
เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการด้านสติปัญญา ซึ่งความหมายของสติปัญญาในที่นี้รวมไปถึง พัฒนาการทางด้านภาษา ทางด้านการเขียน หรือพัฒนาการในด้านการคิดต่าง ๆ เด็กที่ขาดการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสม จะเรียนรู้ได้ช้า ทำความเข้าใจเนื้อหาต่าง ๆ ได้ช้า ตีความหมายภาพหรือข้อความได้ไม่สมวัย คิดวิเคราะห์ วางแผน และแก้ปัญหาได้ไม่ดีนัก
หมายถึงความสามารถในการแสดงความรู้สึกและควบคุมการแสดงออกของอารมณ์อย่างเหมาะสมตามวัย รวมถึงการสร้างความรู้สึกที่ดี นับถือตนเอง (Self - Esteem) เช่น ควบคุมอารมณ์โกรธได้โดยไม่ทำร้ายตัวเอง ผู้อื่น หรือข้าวของเสียหาย
เด็กจะมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ มักแสดงวุฒิภาวะที่ไม่เหมาะสม มักอาละวาดโดยไม่สนใจบุคคลและสถานที่ ในบางรายอาจมีพฤติกรรมที่รุนแรง ถึงขั้นทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น และทำลายข้าวของเสียหาย เพราะควบคุมและจัดการกับอารมณ์ไม่เป็น ซึ่งหากพ่อแม่ปล่อยทิ้งไว้ อาจกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ลูกไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้ หรืออาจส่งผลต่อบุคคลิกของลูกในระยะยาว
หมายถึง ความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น สามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน (Personal - Social, Self - Help, Self - Care) รู้คุณค่าของชีวิต มีคุณธรรม เลือกดำรงชีวิตในทางสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม มีความรู้ผิดชอบชั่วดี รู้จักคิดและรู้จักเลือกทางเดินชีวิตที่เหมาะสมให้กับตัวเอง หากพ่อแม่สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ทางสังคมให้ลูกได้อย่างเหมาะสม ลูกจะเป็นเด็กที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดี มีความพร้อมต่อการปรับตัวเมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียน และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข
เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการด้านสังคมมักปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ยาก ขาดทักษะความเข้าใจต่อผู้อื่น ไม่รู้จักการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น มักช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตามวัยและมักแก้ปัญหาด้วยตนเองไม่เป็น
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.