โดยเฉพาะพฤติกรรมการ “Say No” และพฤติกรรม “บู๊แหลก ไม่กลัวใคร” จนถึงกับมีศัพท์ที่เรียกกันว่า “Terrible Two” ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะในหมู่นักวิชาการหรือในหมู่แม่ ๆ ก็ตาม
แต่อย่าเพิ่งถอดใจหรือกลัวว่าเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้จะเสียนิสัยกันไปเลยค่ะ เพราะอันที่จริงแล้ว อารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กในวัยนี้นั้น ส่วนใหญ่มาจากสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย และมักจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้อยู่อย่างถาวร หากว่าเราเข้าใจและรู้วิธีในการจัดการเพื่อไม่ให้พฤติกรรมเหล่านั้นติดตัวเด็ก ๆ ไปจนโต และจะยิ่งดีกว่าไหม ถ้าเราจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมอันชวนปวดหัวเหล่านั้นได้ตั้งแต่แรก ๆ
ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราไปทำความเข้าใจกับ 3 เทคนิคจากเหล่านักวิชาการด้านพัฒนาการเด็ก ที่จะช่วยให้คุณจัดการกับช่วงวัยนี้ได้อย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้กันค่ะ
ข้อนี้หลายคนอาจจะงง ว่าเอ๊ะ พูดกับลูกแล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับพฤติกรรมก้าวร้าว ข้อนี้ครูพิมมีคำอธิบายค่ะ แต่ก่อนอื่นขอขยายความให้ฟังก่อนว่า ทำไมต้องพูดกับลูกเยอะ ๆ ตั้งแต่ยังเป็นเบบี๋ ที่ต้องให้พูดกับเจ้าตัวเล็กให้มาก ก็เพราะการพูดคุยจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวัยที่สามารถสื่อสารได้ หรือหากยังสื่อสารไม่เก่ง เขาก็จะยังพอที่จะใช้ภาษามือหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะแสดงความต้องการอย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่หากว่าเขามีทักษะการสื่อสารที่ไม่ดี และไม่ได้รับการกระตุ้นตั้งแต่เล็ก ๆ เขาก็จะใช้การสื่อสารในแบบที่เขาทำได้ นั่นคือ แสดงอาการก้าวร้าว หรือปฏิเสธอย่างไร้เหตุผล ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเหตุผล เพียงแต่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ต่างหาก ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร จึงได้แสดงออกมาในรูปแบบดังกล่าวนั่นเองค่ะ
“เช้านี้ทานอะไรดีลูก ไข่ต้ม หรือ ปลาทู ดีคะ”
“น้องบุ๊คเลือกของเล่นได้ 1 ชิ้นนะครับ หนูจะเอาอะไรระหว่างรถแข่ง หุ่นยนต์ หรือสีเทียน”
คำถามพร้อมตัวเลือกเหล่านี้คือคำถามที่ชวนตอบมากกว่าชวนปฏิเสธค่ะ
ซึ่งวิธีการเสนอตัวเลือกนี้ นอกจากจะให้ผลทางด้านพฤติกรรมคือ ป้องกันการเอาแต่ปฏิเสธแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ มีอิสระทางความคิด และรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญด้วยค่ะ โดยวิธีการก็คือ พยายามเสนอตัวเลือกให้เด็ก ๆ ในกิจกรรมที่สามารถทำได้ โดยตัวเลือกนั้นจะต้องเป็นตัวเลือกที่คุณก็สามารถที่จะให้ได้ และไม่เป็นจำนวนตัวเลือกที่มากเกินไป เราอาจยึดหลักง่าย ๆ ว่า ให้มีจำนวนตัวเลือกตามวัย เช่น 2 ขวบ ให้ 2 ทางเลือก 3 ขวบ ให้ 3 ทางเลือก เป็นต้น
บ่อยครั้งเลยค่ะที่ครูพิมและผู้มีประสบการณ์กับเด็กวัย 2 ขวบต่างก็พบว่า พฤติกรรม tantrum หรืออาการก้าวร้าวโวยวายของเด็ก ๆ ในวัยนี้ ไม่ได้มาจากสาเหตุอื่นไกลอะไร นอกไปจากเป็นเพราะความต้องการพื้นฐานอย่าง หิว ง่วง เหนื่อย หรือแม้แต่อาการเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งเมื่อประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและอารมณ์ในช่วงวัยนี้ จึงทำให้พฤติกรรมที่แสดงออกมาดูรุนแรงกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่เกิดจากสาเหตุธรรมดา ๆ อย่างที่ได้ว่ามาแล้ว
ดังนั้น สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ พึงตรวจสอบก่อนทุกครั้งเมื่อพบว่าเจ้าตัวเล็กเริ่มแสดงอาการก็คือ เขาหิวไหม กินมากไป น้อยไปหรือไม่ ได้เวลานอนกลางวันแล้วหรือเปล่า หรืออาจจะยังไม่ได้ขับถ่าย ซึ่งถ้าเช็คดูแล้วพบว่า ข้อใดข้อหนึ่งในนี้มีความเป็นไปได้ ก็ขอให้จัดการเสียให้เรียบร้อย เพราะบางทีเรื่องที่ดูเหมือนใหญ่ ก็มาจากสาเหตุเล็ก ๆ แบบนี้อยู่หลายครั้งค่ะ
เรียบเรียงและดัดแปลงจากบทความของ mommy crusader
ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี
นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก