Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

รอยต่อทางการศึกษา : เมื่ออนุบาลก้าวสู่ชั้นประถม

Posted By Plook Teacher | 17 ธ.ค. 62
14,509 Views

  Favorite

การเลื่อนชั้น ถือเป็นเรื่องปกติในระบบการศึกษา เพราะเมื่อนักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินในระดับที่กำลังเรียนอยู่แล้ว ก็จำเป็นต้องเลื่อนชั้น เพื่อไปเรียนในระดับที่สูงขึ้นและเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้มีทักษะความรู้ที่เพียงพอและเหมาะสมกับคุณวุฒิและวัยวุฒิที่เติบโตขึ้น

การเรียนรู้ในแต่ละระดับชั้นนั้นจะใช้เวลาระดับชั้นละ 1 ปีการศึกษา ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งแบ่งเป็นการศึกษาปฐมวัย (2-3 ปี) การศึกษาระดับประถมศึกษา (6 ปี) และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (6 ปี)  ส่วนใหญ่ถ้าไม่ประสบปัญหาใหญ่ด้านการเรียน เช่น ขาดเรียนนานจนหมดสิทธิสอบ หรือประสบอุบัติจนไม่สามารถมาเรียนหรือมาสอบได้ นักเรียนส่วนใหญ่ก็จะได้เลื่อนชั้นตามหลักเกณฑ์ปกติ

 

ซึ่งการเลื่อนชั้นนี้ เราสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

        - การเลื่อนชั้นในระดับ เช่น จากประถมศึกษาปีที่ 1 ไปสู่ประถมศึกษาปีที่ 2 หรือจากมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปสู่มัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นต้น
        - การเลื่อนชั้นต่างระดับ เช่น จากอนุบาล ไปสู่การเรียนระดับประถมศึกษา และในระดับมัธยมศึกษา เป็นต้น

การเลื่อนชั้นในระดับนั้น มักไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่นัก เพราะในหลาย ๆ โรงเรียนส่วนใหญ่ครูผู้สอนทั่วไปนอกเหนือจากครูประจำชั้นที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ก็ยังคงเป็นครูผู้สอนชุดเดิม ซึ่งทราบและเข้าใจพฤติกรรมของนักเรียนมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนสามารถปรับตัวในชั้นเรียนต่อไปได้ง่าย แต่สำหรับการเลื่อนชั้นต่างระดับนั้น มีความแตกต่างออกไป
 

การเลื่อนชั้นต่างระดับ ส่งผลกระทบของนักเรียนค่อนข้างมาก เพราะความแตกต่างในรูปแบบการศึกษาของแต่ละระดับ ทำให้นักเรียนเมื่อก้าวมาสู่ระดับการศึกษาใหม่ อาจมีปัญหาด้านการเรียนและการปรับตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียนได้ในระยะยาว สิ่งนี้คือ ปัญหาที่เกิดจากรอยต่อทางการศึกษาที่สำคัญ
 

สำหรับรอยต่อทางการศึกษาที่มีปัญหามากที่สุดคือ รอยต่อทางการศึกษาระหว่างอนุบาลกับระดับประถมศึกษา เพราะด้วยหลักสูตรที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้การเชื่อมต่อทางการศึกษาในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีปัญหามากที่สุด
 

อนุบาล หรือการศึกษาปฐมวัย จะเน้นการจัดประสบการณ์ให้เด็กมีทักษะและมีองค์ความรู้ต่าง ๆ ผ่านการจัดกิจกรรม 6 กิจกรรม อันได้แก่ กิจกรรมเสริมประสบการณ์  กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ  กิจกรรมกลางแจ้ง  กิจกรรมสร้างสรรค์  กิจกรรมเกมการศึกษา และกิจกรรมเสรี ซึ่งจะเน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่นและไม่เร่งเขียนอ่าน โดยจะใช้การสังเกตเป็นการประเมินหลัก ในขณะที่ประถมศึกษา จะเริ่มเข้าสู่การเรียนเป็นวิชาหรือตามกลุ่มสาระการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนมีทักษะความรู้พื้นฐานและสามารถอ่านออกเขียนได้ โดยมีการวัดประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลายมากขึ้นเป็นรายภาคเรียน
 

ด้วยความแตกต่างกันในจุดมุ่งหมายของการพัฒนาการศึกษา ทำให้เมื่อเด็กปฐมวัยก้าวไปสู่ในระดับประถมศึกษา บางส่วนมักจะประสบปัญหาในด้านการเรียนรู้ เพราะไม่อาจเชื่อมต่อการเรียนรู้จากระดับปฐมวัยสู่ระดับประถมศึกษาได้ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของการอ่านและการเขียน เพราะในระดับปฐมวัยนั้น การอ่านออกเขียนได้นั้นไม่ใช่จุดเน้นสำคัญ เมื่อเทียบกับการเตรียมความพร้อมและการเสริมสร้างพัฒนาการ เด็กอาจจะเขียนและอ่านได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเร่งให้เด็กเขียนอ่านได้โดยเร็ว ซึ่งแตกต่างจากระดับชั้นประถมศึกษาที่เน้นในเรื่องการเขียนและการอ่านอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถเรียนรู้ในชั้นสูงขึ้นได้ สิ่งนี้ทำให้เด็กปฐมวัยที่ไม่ได้ผ่านการฝึกด้านการเขียนและการอ่านมาก่อน ประสบปัญหาในด้านการเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา
 

งานวิจัยหลายตัวชี้ให้เห็นว่า เราไม่ควรให้เด็กปฐมวัยเร่งเขียนอ่าน แต่ในความเป็นจริง การศึกษาในระดับประถมศึกษานั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะการเขียนและการอ่านในการเรียนรู้อย่างมาก ซึ่งทำให้ประโยชน์ที่ได้จากการไม่เร่งเขียนอ่านนั้น อาจไม่เพียงพอหรือไม่ทันที่จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนได้ เมื่อเทียบกับเด็กปฐมวัยที่ผ่านการฝึกเขียนอ่านมาก่อนแล้ว สิ่งนี้เป็นความเชื่อของครูประถมศึกษาหลายท่านที่ขัดกับทฤษฏีการศึกษาปฐมวัยโดยสิ้นเชิง ซึ่งความไม่เข้าใจนี้ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาปฐมวัยไปสู่ประถมศึกษา เป็นลักษณะของการครอบงำคือ บังคับให้เด็กปฐมวัยต้องเรียนอ่านเขียนตั้งแต่ระดับอนุบาลเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ดี
 

ด้วยเหตุนี้ การก้าวข้ามจากระดับปฐมวัยไปสู่ระดับประถมศึกษา จึงเป็นก้าวย่างอันยิ่งใหญ่และมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญ ซึ่งแนวทางที่เหมาะสมในการส่งต่อเด็กปฐมวัยไปสู่การเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพนั้น สามารถดำเนินการได้ดังนี้

         1. เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยได้มีประสบการณ์ทำกิจกรรมร่วมกันกับรุ่นพี่ในชั้นประถมศึกษา
         2. ให้ข้อมูลและแนวทางในการประชุมผู้ปกครอง เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการเรียนในระดับประถมศึกษา และเชิญครูผู้สอนหรือผู้บริหารโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงมาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการเรียนในระดับประถมศึกษากับผู้ปกครอง
         3. เตรียมความพร้อมให้แก่เด็กปฐมวัยให้มีทักษะทางการเรียนรู้ในด้านวิชาการ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
         4. มีการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ และจัดให้มีการเรียนปรับพื้นฐานการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนคุ้นเคยกับสังคม และสภาพสิ่งแวดล้อมใหม่
         5. วางเป้าหมายและนโยบายของโรงเรียนให้ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องรอยต่อนี้ เพื่อให้ครูผู้สอนและผู้ปกครองได้มีความเข้าใจร่วมกัน
         6. มีการประเมินผลเกี่ยวกับการปรับตัวของนักเรียนในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
         7. ส่งเสริมให้ครูระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษาทำงานร่วมกันในการจัดกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเด็ก
         8. มีมาตรการ การจัดทำระบบการดำเนินการเกี่ยวกับรอยต่ออนุบาลสู่ประถมศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผน
         9. ส่งเสริมความร่วมมือของครอบครัวกับโรงเรียนด้วยการสื่อสารหลากหลายช่องทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
 

จะเห็นได้ว่ารอยต่อทางการศึกษาระหว่างอนุบาลกับประถมศึกษานั้นมีความสำคัญอย่างมาก และเป็นความท้าทายของสถานศึกษาในการบริหารจัดการรูปแบบของการเชื่อมต่อนี้ เพราะถ้าสามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะช่วยลดปัญหาด้านการเรียนของนักเรียนที่ขึ้นมาจากระดับปฐมวัยได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเครียดความกดดันที่อาจจะเกิดขึ้นการการปรับตัวของนักเรียน และทำให้นักเรียนเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างมีความสุข

 

เรียบเรียงโดย : นรรัชต์  ฝันเชียร

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow