Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

รู้จัก Resilience พร้อมเทคนิคสอนลูกอย่างไร...ให้ฟื้นตัวได้เมื่อเจอวิกฤติ

Posted By ณัฏฐณี สุขปรีดี | 09 ธ.ค. 62
9,074 Views

  Favorite

Resilience หรือความสามารถในการฟื้นตัว การปรับตัวเข้าสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียงกับเดิม มีแรงใจที่จะฮึดกลับมาได้และยังมีทัศนคติที่ดี เมื่อเจอกับภาวะย่ำแย่ วิกฤติ หรือ เหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ

 

แม้คำศัพท์นี้จะดูใหม่ ๆ และเป็นที่ลึกซึ้ง ยิ่งใหญ่ แต่เชื่อครูพิมเถอะค่ะว่า สิ่งเหล่านี้ เป็นทักษะที่สอนและปลูกฝังได้ตั้งแต่เล็ก

 

ภาพ : Shutterstock

 

จากการวิจัยของนักจิตวิทยามากว่าครึ่งศตวรรษ ทำให้พบว่า เด็กกว่าครึ่งที่ขาดทักษะ Resilience หรือความสามารถในการฟื้นตัว มีแนวโน้มที่จะมีอาการทางจิตเมื่อพบเจอกับสภาวะวิกฤตในชีวิต ดังนั้น การฝึกทักษะนี้ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งค่ะ

 

เราจะฝึกทักษะ Resilience ให้กับลูกได้อย่างไร ?

อย่างที่ครูพิมได้เกริ่นไปแล้วก่อนหน้านี้นะคะ ว่าทักษะนี้เป็นสิ่งที่สอนและเรียนรู้กันได้ตั้งแต่เล็ก วันนี้ครูพิมจึงมีเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยสร้างให้เด็ก ๆ มี ทักษะ Resilience มาฝากด้วยกัน 4 เทคนิคดังนี้ค่ะ

1. สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในครอบครัวอยู่เสมอ

การเติบโตในครอบครัวที่อบอุ่น เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตอย่างเข้มแข็งของเด็ก ๆ และแน่นอนว่า เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็ก ๆ มีสภาพพื้นฐานจิตใจที่ดี และสามารถที่จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายหรือรุนแรงได้ ซึ่งคำว่าครอบครัวอบอุ่นในที่นี่ ไม่ได้แปลว่าการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา การตามใจ เอาอกเอาใจลูก แต่หมายถึง การที่เด็กได้มีใครสักคนที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวและเกิดความผูกพันอย่างลึกซึ้งด้วยนั่นเองค่ะ

2. สอนทักษะด้านการจัดการปัญหาให้กับลูก

หลาย ๆ ครั้ง เรามักจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยลูกในการแก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อความว่องไวบ้าง เพื่อไม่ให้ลูกต้องลำบากบ้าง หรือบางครั้งก็เป็นการตัดรำคาญ แต่ทราบไหมคะว่า การสอนล่วงหน้า แล้วปล่อยให้ลูกได้ลองแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ถูกต้องด้วยตัวเองดูบ้าง จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สำคัญ ที่จะทำให้เด็ก ๆ สามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีทักษะในการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เพราะรู้สึกว่าตนเองก็มีความสามารถในการจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองได้นั่นเองค่ะ

3. ทำงานร่วมกับโรงเรียนอยู่เสมอ

คำว่าทำงานในที่นี้ ไม่ใช่ให้คุณพ่อคุณแม่ไปสมัครเป็นครูนะคะ ฮ่า ๆ ๆ แต่หมายความว่า ให้เราหมั่นสอบถามพูดคุยกับคุณครูที่โรงเรียน ถึงสภาพแวดล้อม หลักสูตร รูปแบบการเรียนการสอน กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า เด็ก ๆ กำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมเชิงบวกทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน และเพื่อให้มั่นใจว่าการเรียนการสอนที่โรงเรียน ตรงกับรูปแบบการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ค่ะ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการสร้างสภาพจิตใจที่เข้มแข็งให้กับเด็ก และควรให้ความสนใจมากกว่าผลการเรียนหรือตัวเลขในกระดาษที่อาจจะไม่ได้สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของเด็กอย่างครบถ้วนหรือมากเพียงพอค่ะ

4. ให้โอกาสลูกในการทำกิจกรรมคลายเครียดที่เหมาะสมกับวัย

เด็กเล็กต้องได้เล่น เด็กโตต้องได้พักผ่อนอยู่กับตัวเองบ้าง หลักการเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายที่ผู้ปกครองหลายท่านอาจมองไม่เห็นความสำคัญ แต่การได้มีเวลาสำหรับตัวเองอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ในทุก ๆ วัน และทุก ๆ สัปดาห์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับเด็ก ๆ เพราะพวกเขามักจะไม่เข้าใจว่าตนมีความเครียด จึงอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม แล้วกลายเป็นปัญหารุนแรงทางจิตใจในภาพหลัง หรือเมื่อเจอกับภาวะวิกฤตของชีวิตได้ค่ะ

 

 

ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี

นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก

Facebook.com/PimAndChildren

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • ณัฏฐณี สุขปรีดี
  • 4 Followers
  • Follow