โดยนำพวกเขามาทำกิจกรรมสำรวจความเป็นมนุษย์ของตนเองและผู้อื่น โดยเชื่อว่าหากคนในวงการบันเทิงและการสื่อสารเข้าใจในความแตกต่างและเห็นความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์แล้ว ก็จะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่นำพาสังคมไปสู่ความสันติสุข
โดยครั้งนี้ทางโครงการได้ชวนคนบันเทิงรุ่นใหม่ร่วมเวิร์กชอปสร้างแกนนำคนบันเทิงรุ่นใหม่เพื่อการตื่นรู้ สู่สุขภาวะทางปัญญา (Wake Up ONE : Creative Awakening Workshop for Young Celebs & Stars) เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ที่โรงแรมเบลล่า บี อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตลอดระยะเวลากิจกรรม
ศิลปินดารานักแสดงคนรุ่นใหม่ กว่า 20 ชีวิต ได้เรียนรู้สร้างทักษะการเห็น รู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึก ความคิด ความเชื่อ ความกลัว ความกังวล ที่ปิดกั้นศักยภาพที่แท้จริง ได้สำรวจและค้นพบความเป็นตัวเองที่แท้จริงว่าอะไรที่ขับเคลื่อนชีวิตทุกคน ได้สัมผัสศักยภาพที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง และเป็นประโยชน์ต่อทุกชีวิต เปิดทัศนคติให้เกิดการ “ตื่นรู้” ในตนเอง และมองเห็นความเป็น “หนึ่งเดียวกัน” ของมนุษย์
เอก ธนโชติ กุสุมรสนานันท์ นักแสดงหนุ่ม ที่กำลังจะมีผลงานละครเรื่อง รักสิบล้อรอสิบโมง ทางช่องวัน 31 เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หลังเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ได้ทัศนคติดี ๆ จากคนอื่นเยอะมาก ได้เห็นโลกในอีกหลายมุมมอง จากหลากหลายสาขาอาชีพการงาน โอกาสที่เราจะได้คุยเรื่องจิตใจ ได้คุยเรื่องแก่นของมนุษย์มีน้อย ถ้าอยู่ ๆ จะไปคุยกันเรื่องจิตใจจิตวิญญาณมันก็คงจะแปลก ๆ กิจกรรมนี้มันก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ได้รวมตัวกัน ทุกคนตั้งใจที่จะเปิดใจรับฟังกันจริง ๆ ทุกคนตั้งใจที่จะแชร์ประสบการณ์ทั้งทางที่ดีและไม่ดี ในจุดประสงค์ของการเรียนรู้และพัฒนาเอกก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยังหัวร้อนใจร้อน นอกจากเรื่องการทำงานในวงการก็ต้องสานต่อธุรกิจที่บ้านด้วย บางทีต้องเข้าไปคุมคนงาน บางทีอาจจะมีอะไรไม่พอใจบ้าง กิจกรรมนี้สอนให้มองคนอื่นจากมุมมองของเขา เราได้เห็นว่าเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา เขาก็มีข้อผิดพลาดเหมือนกัน เห็นใจเขาหน่อย เราจะใจเย็นลง ทำอะไรตามเหตุผลสมควรมากกว่าตามอารมณ์ กิจกรรมนี้มันสอนให้เรามีสติมากขึ้น”
ขณะที่นักแสดงสาวดาวรุ่งอย่าง ภัชธร ธนวัฒน์ หรือ พลอยภัช ซึ่งมีผลงานละครคู่ซ่าคดีป่วนที่เพิ่งจบไป และกำลังมีผลงานซีรี่ส์ DARK BLUE KISS ที่กำลังออนแอร์ ก็เล่าถึงความประทับใจว่า “เป็นเวิร์กชอปที่ทำให้ได้ออกจากกรอบของตัวเองจริง ๆ จากปกติที่เป็นคนที่กลัวการเข้าสังคมใหม่ ๆ คือเวลาที่จะเข้าสังคมใหม่ ๆ ก็กลัวที่ว่าจะวางตัวอย่างไรหรือเข้าหาคนอื่นอย่างไร แต่กิจกรรมนี้ทำให้เราเปิดใจมาลองเรียนรู้ตัวเองและคนอื่น ซึ่งมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด ทุกคนมีบุคลิกที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ใจจริงเขาอาจจะหวังดีกับเราก็ได้ แต่เราตัดสินเขาไปก่อน กิจกรรมนี้สอนให้เราไม่ตัดสินคนอื่นไปเลยว่าเขาจะรู้สึกแบบนี้กับเรา สอนให้เราเปิดใจลองคุยกับเขาก่อนมากขึ้น”
นอกจากนี้ พลอยภัช ยังได้โชว์ผลงานการวาดรูป หนึ่งในกิจกรรมรั้งนี้ โดยเล่าว่า “เริ่มต้นตั้งใจวาดเป็นวิวกลางคืน เป็นพระจันทร์ที่สะท้อนน้ำ แต่หลังจากเวียนให้เพื่อนๆ ทุกคนค่อย ๆ ช่วยกันวาดเติมไปทีละคน มันกลายเป็นพระอาทิตย์ยิ้ม จากพระจันทร์กลายเป็นพระอาทิตย์ คือตรงข้ามกันเลย มีดาว มีหัวใจ มันสดใสมาก มันสอนเราว่าจริง ๆ เราอาจอยู่กับตัวเองมากเกินไป ถ้าเราเปิดใจแล้วมองคนอื่นโดยที่เราไม่ตัดสิน เปิดโอกาสให้เขาคุยกับเรา มันอาจจะเหมือนพระอาทิตย์ดวงนี้ก็ได้ คือความรู้สึกของเราได้เติมเต็ม การที่เราไม่ตัดสินเขาไปก่อนเราอาจจะได้เรียนรู้มากขึ้น แต่การปิดตัวเอง สิ่งที่เราได้ก็คือเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย”
เบ็น โกศลศักดิ์ นักดนตรีและนักแสดงอิสระ ผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานเพลงให้กับละครเวที โดยมีผลงานล่าสุดอย่างการทำเพลงประกอบให้ Sunny Side Up : เกือบสุข ละครเวทีเกี่ยวกับผู้มองไม่เห็น เพื่อนำเสนอมุมมองของผู้พิการและผู้ป่วยทางจิตเวชผ่านงานศิลปะ เล่าว่า “จากกิจกรรมนี้ที่ได้มาเจอคนใหม่ ๆ ที่เราไม่รู้จัก ได้เห็นการสะท้อนมุมมองความเชื่อความเชื่อส่วนตัวของเขา และทัศนะที่เขามีต่อชีวิตและจิตวิญญาณ ก็ได้เห็นได้เปิดมุมมองว่ามีคนที่เขาคิดแบบนั้นแบบนี้ด้วย เมื่อได้เห็นความหลากหลายของคนมากขึ้น มันก็เปิดความคิดเราทำให้กว้างขึ้นว่ามันยังมีรายละเอียดอะไรบางอย่างที่มันแตกต่างกันไป แม้แต่บางคนเรารู้สึกว่าเขามาด้วยกันเป็น เพื่อนกันมา เขาก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปในความเชื่อหรืออารมณ์ความรู้สึก แม้มันจะเหมือนหรือแตกต่างกัน แต่มันก็อยู่ด้วยกันได้ มันทำให้เราเปิดรับกันมากขึ้น ยอมรับกันมากขึ้น”
ด้าน ชนินทร พิทักษ์วรรัตน์ หรือ ปันปัน นักแสดงอิสระ ที่ล่าสุดมีผลงานการแสดงใน “6 บทสนทนาสัพเพเหระต่อหน้าศพ" ของศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จนได้ผู้บริจาคมาอย่างล้นหลาม กล่าวว่า “กิจกรรมวันนี้สนุก รู้สึกว่าได้คิดมากขึ้นและก็ได้รู้ความคิดของคนอื่นที่มีต่อเรื่อง ๆ หนึ่ง ในมุมมองที่แตกต่างกันไป มันขับเคลื่อนให้เราได้ฝึกฝนความคิดต่อยอดไปเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้เรามักจะไม่ค่อยมีความคิดเห็นกับอะไรสักเท่าไหร่ แต่ในกิจกรรมสองวันนี้มันฝึกให้ได้วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่การวิจารณ์เชิงติเตียน แต่เป็นการวิเคราะห์ให้เห็นถึงแง่มุมต่าง ๆ และประโยชน์ของมันต่อเรา ต่อผู้อื่นและต่อสังคม”