ชวนมาเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายรูป ชมธรรมชาติอันงดงามในไร่นา สวน ป่าจำลอง ที่รวบรวมพรรณไม้นานาชนิดจากทั่วประเทศไทย

ถ้าพูดถึงตลาดนัดสวนจตุจักรแล้วละก็ แทบไม่มีใครไม่รู้จัก และหลาย ๆ คนพอมาตลาดนัดก็มักจะมาจอดรถที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ แห่งนี้ ที่อยู่ตรงข้ามกับโซนปลาสวยงามเลย ติดกับพิพิธภัณฑ์เด็ก สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนจตุจักร (สวนสาธารณะอีกแห่ง) ภายในสวนจัดแบบสวนพฤกษศาสตร์ผสมผสาน มีพรรณไม้มากมายหลากหลายชนิด มีจุดให้ถ่ายรูปเล่นสวย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกเพียบ ทั้งยังร่มรื่นมาก ๆ ด้วยค่ะ

ที่นี่เปิดให้เข้าฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 5.00 – 20.00 น. เนื่องจากภายในออกแบบไว้สำหรับการเดิน – วิ่งมากกว่า จึงไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำจักรยานมาปั่น เพราะบางจุดเป็นสะพานไม้ที่อาจไม่สามารถรองรับน้ำหนักและแรงจากการปั่นจักรยานได้อย่างในสวนรถไฟค่ะ นอกจากนี้ ด้วยความที่มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะและใกล้ ๆ กัน แถมยังมีเจ้านกน้อยและกระรอกคอยโผล่มาเป็นนาย/นางแบบ เดินจะคล่องตัวกว่ามากเลยค่ะ

ประเดิมรูปแรก ๆ กันด้วย “ดอกกระเจียว” ดอกทิวลิปของเมืองไทยเราซึ่งจะบานสะพรั่งในหน้าฝน หากไม่มีเวลาไปชมทุ่งดอกกระเจียวอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ จ.ชัยภูมิ แล้วละก็ แวะมาที่สวนแห่งนี้ก็ได้นะคะ

ดอกไม้อื่น ๆ ก็มีมากมาย และเมื่อมีดอกไม้ต้นไม้มากมายก็ย่อมมีนกต่าง ๆ และสัตว์อื่น ๆ เช่น เจ้ากระรอกในภาพล่างนี้ด้วย พบเห็นได้เป็นระยะเลยค่ะ

มีไม้ดัดตัดแต่งเป็นรูปทรงและรูปสัตว์ต่าง ๆ ให้เห็นเป็นระยะ ๆ

ต้นไม้หลาย ๆ ต้นในสวนแห่งนี้เป็นต้นไม้ที่พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จทรงปลูกไว้ก่อนหน้านี้ ที่นี่สร้างขึ้นในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบของสมเด็จฯ พระพันปีหลวง เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จฯ พระบรมราชินีนาถใน ร.9 ใน พ.ศ. 2535 ก็เกือบ 30 ปีที่แล้ว

เดินมาสักพักก็จะถึงซุ้มต้นไม้หน้าอาคารนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

ใกล้ ๆ กันมีซุ้มทางเดินสีขาว เถาเลื้อยปกคลุมให้ร่มเงาสีเขียวตัดกันสวยงาม ด้านในมีต้นหวายที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงปลูกไว้เมื่อนานมาแล้ว

เมื่อลงชื่อเรียบร้อยก็ถอดรองเท้าขึ้นไปชมนิทรรศการในชั้นสองของอาคาร ซึ่งก็เปิดให้ขึ้นไปชมได้ฟรีในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น. ค่ะ

เนื้อหาของนิทรรศการก็จะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จฯ พระพันปีหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการป่ารักน้ำ

แล้วก็เรื่องของการพัฒนาส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ทางการเกษตร ให้ชาวบ้านและป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน

ไม่ว่าจะเป็นในภาพบนที่เป็นผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ หรือภาพล่างเรื่องราวการทอผ้าไหมที่อยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน หากจะให้มีไหมได้ก็ต้องมีต้นหม่อนผลิใบให้หนอนไหมกิน และทั้งไผ่ทั้งไหมแล้วก็หม่อนมีให้ชมให้สัมผัสจริง ๆ ในสวนแห่งนี้ด้วยนะคะ

ใกล้ ๆ เป็นสวนไม้หอมและไม้ในวรรณคดีไทยค่ะ แต่ตอนที่ไปยังไม่ค่อยเห็นออกดอกกัน แต่ก็ดูเขียวชอุ่มชุ่มชื่นมาก ๆ เลย

ถัดมาในภาพล่างเป็นโซนบ้านเล็กในป่าใหญ่ค่ะ นอกจากต้นไม้และการจำลองรูปแบบโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ดอยฟ้าห่มปก

นอกจากซุ้มนิทรรศการที่ให้ข้อมูลต่าง ๆ แล้วยังมี ม้านั่งและรูปปั้นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชิดกับป่าเป็นฉากหลังให้ได้ถ่ายรูปสวย ๆ กันด้วย

อ่าน ๆ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่ามีสายตาใครบางคน “แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ” เงยหน้าไป ฮั่นแน่ ! คุณกระรอกอีกแล้ว น่ารักจริง ๆ

ฝั่งตรงข้ามกันเป็นการจำลองป่าไม้ในประเทศไทย โดยกรมป่าไม้ ใครอยากเดินป่าแต่ไม่มีเวลาไปออกนอกกรุงไปไกล ๆ มาเดินเล่นในนี้เรียกน้ำย่อยกันไปพลาง ๆ ได้นะคะ

ภายในเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งมีป้ายให้ความรู้อยู่เป็นระยะ ๆ เลยค่ะ แถมระยะทางก็ไม่ได้ยาวมาก ไม่ต้องกลัวเหนื่อยค่ะ

ในรูปล่างนี้มีขอนไม้ผุ ขวางกลางแอ่งน้ำตื้น ๆ ด้วย บรรยากาศป่ามาเต็ม คิดถึงตอนที่ไปเดินป่าของจริงขึ้นมาทันทีเลย

ความรู้ในนี้มีรอบตัวเลย ไม่ใช่แค่ด้านหน้า ด้านข้าง ด้านบน เท่านั้น ด้านล่างก็ด้วย ก้มมองลงมาในภาพล่างนี้คือต้นย่านาง ที่เราเอามาทำซุปหน่อไม้ แกงเปรอะ แกงเห็ด อาหารอีสานจานเด็ดที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายอีกด้วยค่ะ  

เดินไปสักระยะบรรยากาศป่าจะเปลี่ยนไป โซนจากป่าพรุในภาคใต้ที่มีน้ำขัง และเราต้องเดินบนสะพานไม้เตี้ยก็เข้าสู่ป่าประเภทอื่น ๆ บ้าง ไม่ว่าจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ

มีรูปปั้นสัตว์ที่เป็นเจ้าบ้านซ่อนอยู่ให้เห็นเป็นระยะด้วย จนออกมาถึงสุดทางที่จะเจอเจ้าช้าง 2 เชือกนี้ข้างพงอ้อยอาหารโปรดของพวกมันริมชายป่าจำลอง

ถัดมาเป็นสวนชบา ตรงนี้เป็นลานหินเกล็ดหินกรวดสีขาว ปลูกชบาพันธุ์ต่าง ๆ มากมายสารพัดสีไว้เป็นระยะ ๆ

ถัดมาไม่ไกลก็จะเป็นทางไปสู่สวนปาล์ม สวนมะพร้าว ในภาพล่างต้นซ้ายมือที่มีใบสีเหลือบเงินขาวระยิบระยับล้อแสงตะวันนั้นคือ ต้นกระดุมใบไม้เงิน จากแถบอเมริกาใต้ เป็นพืชที่มักขึ้นอยู่ใกล้ป่าโกงกาง

ตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายรูปได้สวยงามทีเดียว

ในสวนปาล์ม สวนมะพร้าวของที่นี่ มีมะพร้าวไทยกว่า 40 สายพันธุ์ปลูกเรียงราย

มีม้านั่งให้พักเหนื่อยหรือชมธรรมชาติด้วย บรรยากาศดีมาก ๆ เลยค่ะ

ถัดมาก็ยังเป็นซุ้มพันธุ์ไม้ชื่อดังในเขตภาคใต้คือ ย่านดาโอ๊ะ ค่ะ

ย่านชนิดนี้เป็นไม้เถาขนาดใหญ่ ที่ใบมีลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อ หรือ รูปหัวใจ และใบอ่อนมีมีขนสีน้ำตาลแดง หรือสีทองแดงซึ่งเมื่อแห้งแล้วจะยิ่งออกสีทองมากขึ้น เลยเรียกกันอีกชื่อว่า “ใบไม้สีทอง” ตามธรรมชาติพบเฉพาะในป่าบนเทือกเขาบูโดเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลาค่ะ

เดิน ๆ ไปไม่ใกล้ไม่ไกล ก็มาเจอดอกพู่ระหง วงศ์ชบา ที่เรียกอีกชื่อว่า “พู่เรือหงส์” เพราะมีการเกสรเป็นพู่ห้อยลงมาเหมือนพู่หน้าโขนเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เลยค่ะ เอารูปที่ถ่ายตอนงานอุ่นไอรักเมื่อต้นปีมาเทีียบให้ดู

มีแปลงไม้ดอกขนาดเล็กตัดแต่งเป็นภาพอย่างสวนในประเทศแถบตะวันตก

เดินต่อมาไม่ไกลก็ถึงสะพานคลื่นนก ซึ่งได้รับรางวัลการออกแบบจากสมาพันธุ์ภูมิสถาปัตยกรรมนานาชาติภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคด้วยค่ะ

สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อการดูนกโดยเฉพาะ มีการทำบังไพรและปลูกพืชอาหารนกไว้ใกล้ ๆ ด้วย มาตรงนี้ทีไรก็จะได้ยินเสียงนกร้องอยู่ไม่ไกลเสมอค่ะ

ด้านล่างเป็นลำธารคั่นระหว่างสวนสมเด็จฯ และสวนรถไฟค่ะ จะดูรกครึ้มตามธรรมชาติอย่างสวนป่ามากกว่า เป็นคนละที่กับสระรูปตัว S และ ส ในสวน ซึ่งเป็นอักษรตัวแรก ในพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยค่ะ 

ในภาพล่างนี้เป็นเนินที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสระรูปตัว S และ ส ที่กล่าวไว้ก่อนหน้าค่ะ บนเนินนี้ปลูกต้นดอนญ่าควีนสิริกิติ์ ไม้ดอกงามแดนฟิลิปปินส์ ที่เมื่อคราวล้นเกล้าฯ ร.9 และสมเด็จฯ เสด็จเยือนฟิลิปปินส์ ใน พ.ศ. 2506 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ขอพระราชทานตั้งชื่อตามพระนามของพระองค์ท่านค่ะ

เมื่อข้ามสะพานแผ่นหิน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเราเดินบนโขดหินข้ามลำธาร ซึ่งความรู้สึกก็จะต่างจากการข้ามสะพานโค้งไปอีกแบบหนึ่งเลย แล้วก็จะมาถึงสวนกล้วย ที่มีสารพัดกล้วยอยู่ด้านในเต็มไปหมดค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นกล้วยสวย ๆ อย่างกลีบบัวสีชมพูในภาพล่าง

หรือจะเป็นกล้วยแสนอร่อยนานาพันธุ์ที่เราคุ้นเคยเมื่อมันอยู่ในเซเว่น ตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เกต

ออกจากสวนกล้วยมุ่งไปทางลานบัว ก็จะเห็นแนวดอกกระเจียว ปลูกประดับประดาไว้เป็นระยะสวยงามทีเดียวค่ะ  

ลานบัวนี้เป็นจุดศูนย์กลางของสวนแห่งนี้เลย มีขนาดใหญ่มาก ๆ มีเส้นทางเชื่อมไปยังส่วนต่าง ๆ ในสวน

มีกระถางและบ่อบัวสายพันธุ์ต่าง ๆ หลากสีสันให้ได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็นบัวเผื่อน บัวหลวง บัวฝรั่ง ฯลฯ

แล้วก็สวนหิน

ที่มีฉากหลังเป็นไม้ใหญ่เหมือนอยู่ในป่าทึบ

ในสวนแห่งนี้มีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเดินวิ่งออกกำลังกายกันเรื่อย ๆ

แล้วก็มาถึงโซนที่ให้บรรยากาศบ้านสวน มีนาข้าว ต้นหม่อนริมคันนา และพืชไร่พืชสวนต่าง ๆ

มีร้านตำลึงเป็นซุ้ม ข้างใต้น่าจะเป็นพื้นที่ปลูกฟักแฟงต่าง ๆ อย่างที่ติดป้ายไว้ ข้าง ๆ กันก็เป็นดงกล้วย

ถัดมาข้างในก็เป็นป่าไผ่ให้ความร่มรื่น และมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ๆ เกี่ยวกับไผ่ชนิดต่าง ๆ มากมาย มีไผ่ตงสารพัดประโยชน์ ที่เรานิยมรับประทานหน่อไม้ ในขณะที่เจ้าหมีแพนด้ายักษ์ชมชอบกินลำต้นด้วย

เข้ามาในสุดก็จะเจอต้นไม้รูปร่างประหลาดอย่างในภาพล่าง เป็นวิวที่สวยแปลกไปอีกอย่างหนึ่งค่ะ

เดิน ๆ เหนื่อยแล้วก่อนกลับหากกระหายน้ำก็แวะจิบกาแฟเติมความสดชื่นกันใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ได้ที่ร้านกาแฟจากโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่าน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ทางออกไปลานจอดรถเลยค่ะ วันแม่ปีนี้แวะมาเดินเล่นกันได้นะคะ

“Amazing ไทยเท่” ที่เที่ยวเก๋ ๆ ใกล้ตัว อย่าลืมมาชื่นชมกันนะคะ