แต่จะทำอย่างไรให้คุณแม่สามารถจัดความสมดุลระหว่างหน้าที่ของแม่ และหน้าที่ที่ต้องทำได้ วันนี้เรามีเคล็ดลับมาแนะนำกันค่ะ
ถึงแม้การทำหน้าที่ทั้ง 2 อย่างให้สมบูรณ์นั้นจะเป็นเรื่องยาก แต่คุณแม่จะต้องมีความเชื่อว่า “เราทำได้” เพราะความเชื่อมั่น จะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่จะช่วยทำให้คุณแม่มีพลังใจ และมีพลังงานแห่งความสุขที่จะต่อสู้ และจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามา อย่างเช่น ในช่วงแรกคุณแม่อาจมีปัญหาเรื่องของการจัดตารางเวลาของตัวเอง คุณแม่อาจเครียดที่ต้องตื่นมากลางดึก เพื่อให้นมลูก และตื่นมาตอนเช้าเพื่อไปทำงาน แต่เมื่อผ่านไปสักพักคุณแม่อาจหาวิธีช่วยให้ตนเองผ่อนคลายได้ เช่น เปิดเพลงเบา ๆ เวลานั่งปั้มนม หรือ ขอติดรถคุณพ่อบ้านไปทำงาน เพื่อหาเวลางีบหลับบนรถบ้าง เพราะการเป็นแม่มักตามมาด้วยบททดสอบหลาย ๆ ด้าน แต่ถ้าคุณแม่มีความพยายามและตั้งใจ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราเชื่อว่าคุณแม่ทุกคนทำได้แน่นอน
เพราะวัยทารก คือ วัยแห่งความไม่แน่นอน เราไม่สามารถจัดตารางแบบเป๊ะ ๆ ได้เลย ว่าลูกจะหิว จะงอแง หรือจะนอนเวลาไหน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ คุณแม่ควรมีความยืดหยุ่น หรือมีแผนสำรองในชีวิตอยู่เสมอ อย่าเครียดหากเรื่องบางเรื่องไม่สามารถทำได้ตามแผนที่คาดไว้ เช่น หากคุณไม่สามารถกลับมาทันเวลาที่จะเอาลูกเข้านอนได้ คุณก็อาจจะต้องฝากพี่เลี้ยงหรือคนอื่น ๆ ในบ้านให้ช่วยดูแล แต่ถ้าวันไหนมีเวลา ก็ค่อยใช้ช่วงเวลานั้นกับลูกอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคุณแม่ห้ามรู้สึกผิด หรือโทษตัวเอง เพราะการคิดเช่นนี้นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว อาจทำให้คุณแม่อยู่ในสภาวะเครียด และนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้
ในช่วง 1 อาทิตย์ก่อนที่จะกลับไปทำงาน คุณแม่อาจต้องมีการวางแผน เตรียมตัว กำหนดตารางชีวิตใหม่ คุณแม่ต้องวางแผน ตั้งแต่ตื่นนอนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง อาบน้ำ กินข้าว เตรียมของใช้ให้ลูก วางแผนการเดินทาง รวมไปถึงการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตัวเองที่ต้องนำไปใช้ที่ทำงาน เช่น เครื่องปั้มนม หรือแผ่นซับน้ำนม และถ้าเป็นไปได้คุณแม่อาจเลือกกลับไปทำงานวันแรก ในวันพุธหรือไม่ก็พฤหัส เพื่อคุณแม่จะได้ไม่เหนื่อยมากนักเมื่อถึงปลายสัปดาห์ และจะได้มีเวลาพักเหนื่อยอีกสองวันก่อนที่จะเริ่มงานอีกครั้ง
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.