สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการศึกษาก้าวไปอีกขั้น!! ด้วยความตั้งใจยกระดับมาตรฐานการศึกษาทางการบริหารธุรกิจ เพื่อให้ความรู้และบ่มเพาะธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างยั่งยืน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ เภสัชกร ดร. แสงสุข พิทยานุกุล นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์สินค้าไทยให้โด่งดังในระดับสากล พร้อมสร้างแบบแผนการศึกษารูปแบบใหม่ เพื่อผลักดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ให้เติบโตและยืนหยัดได้ในระดับโลก
นวัตกรรมการศึกษาแห่งแรกของโลก The Business Incubation School (BIS) โรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ บีไอเอส ก่อตั้งขึ้น โดยมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตัวจริงทำหน้าที่เป็นผู้บ่มเพาะ และถ่ายทอดประสบการณ์ตรง เพื่อช่วยแก้ปัญหาการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สู่การเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแรง อันจะส่งผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจบ้านเมืองดีขึ้น
เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล นักธุรกิจเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เวชสำอางทั้งในและต่างประเทศ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Smooth E” และ “Dentiste” ในฐานะผู้ก่อตั้ง The Business Incubation School (BIS) อธิบายแนวคิดสร้างนักธุรกิจคุณภาพรุ่นใหม่ที่นำไปสู่นวัตกรรมการศึกษาแห่งแรกของโลก ว่า “ผมนำการบริหารธุรกิจและหลักสูตรการบ่มเพาะธุรกิจมารวมกันกลายเป็น Business Incubation แห่งแรกของโลก ด้วยเหตุผลแรกคือ รายงานโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่หลายคนไม่มีใครอยากเป็นลูกจ้าง ทุกคนอยากเป็นนายตัวเอง และเหตุผลที่สองคือ ผมเห็นโอท็อปและผู้ประกอบการขนาดกลาง หรือเอสเอ็มอี
ที่ทำมานานแต่ไม่เติบโตระดับประเทศ และระดับสากล จึงต้องการมีส่วนทำให้ประเทศไทยมีแบรนด์ระดับโลกเป็นที่รู้จักและยอมรับ ซึ่งผมเชื่อว่า การเติบโตของผู้ประกอบการใหม่สามารถพัฒนาเป็นคลื่นลูกใหม่ในระดับโลกได้ “เมื่อผู้เรียนผ่านกระบวนการบ่มเพาะในโมเดลของโรงเรียนแล้ว สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ การเปลี่ยนแปลงกรอบแนวคิด ให้ออกแบบธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ผลักดันให้เป็นนักธุรกิจระดับประเทศ (National) ระดับโลก (World Class) ซึ่งผู้เรียนสามารถนำเสนอแผนธุรกิจเพื่อรับฟังการคอมเม้นท์และปรับปรุงให้ใช้งานได้จริง รวมทั้งต้องจัดทำแผนและเป้าหมายระยะสั้นและยาว เรียกว่า เรียนจริง ปฏิบัติจริง โตได้จริง เน้นการฝึกหัด และต้องทำจริงเท่านั้น เพื่อค้นหาองค์ความรู้ของตนเอง นอกจากนี้ BIS จะติดตามและเร่งรัดให้เกิดการปฏิบัติจริง เพื่อให้พัฒนตนเอง และเป็นที่พึ่งพาตนเองได้เมื่อสำเร็จการอบรมไปแล้วอีกด้วย”
ทั้งนี้ The Business Incubation School (BIS) โรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ บีไอเอส มีหลากหลายหลักสูตรให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่า เจ้าของกิจการ ผู้บริหาร ลูกจ้าง ทายาท นักขาย และนักเรียนที่หารายได้ระหว่างศึกษา อาชีพอิสระอื่น ปัจจุบันพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน เพื่อจะได้สิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง สอนโดยคณาจารย์ วิทยากร ที่ปรึกษา ซึ่งล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์สอนและเป็นที่ปรึกษามาไม่ต่ำกว่า 15 ปี จากสถาบันชั้นนำที่มีชื่อเสียง โดยหลักสูตรแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่
อบรมระยะยาว เปลี่ยน Fixed Mindset เป็น Growth Mindset เปิดรับโลกธุรกิจยุคใหม่ เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปลี่ยนได้ สร้างยอดขาย และกำไรเติบโตแน่นอนจากโมเดลการบ่มเพาะของโรงเรียน โดยมีการเข้าเยี่ยมชมในสถานประกอบการ ที่ปรึกษาแนะนำตรงประเด็นปัญหา โดยมีโค้ชนักธุรกิจชั้นนำบ่มเพาะธุรกิจรายบุคคล ตามที่ปรากฏในภาพบนเอกสารนี้ ตลอดจนได้เครือข่ายทางธุรกิจระหว่างเพื่อนในรุ่นและต่างรุ่น รวมทั้งมีกิจกรรมศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ ตลอดระยะการอบรม
อบรมระยะสั้น กระตุ้นให้ตื่นตัวและทบทวนตนเอง เพื่อหา DNA ของผู้ประกอบการและแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้า มองเป้าหมายให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น สัมผัสบรรยากาศการเรียนและพลังมหาศาลจากเพื่อนร่วมรุ่นที่มุ่งหวังอย่างเดียวกัน เกิดการเรียนรู้ เลียนแบบและพัฒนา แลกเปลี่ยน ท้าทาย ให้เริ่ม Practice ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการที่สำเร็จต่อไป เพื่อหาคำตอบที่ว่า “คิด 100 – ทำ 10 – ได้ 1” และ “WOW” ให้เกิดขึ้นในโลกธุรกิจยุคใหม่
เภสัชกร ดร.แสงสุข กล่าวภาพรวมที่ผู้เรียนจะได้รับในแต่ละหลักสูตร ที่จะสร้างระบบการศึกษาและบ่มเพาะอย่างมาตรฐานสากล เพื่อสร้างผู้ประกอบการคุณภาพให้กับสังคมไทย ว่า “ผมเชื่อว่า การทำโรงเรียนให้เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ จะต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ ผู้เรียนเก่ง ผู้สอนเก่ง และหลักสูตรดี และนี่คือโมเดลที่สามารถปั้น ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง”
ด้านผู้ประกอบการรุ่นใหม่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และความรู้ที่ได้รับจาก BIS ที่นำไปพัฒนาธุรกิจของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่าง เพ็ญประภา ตระกูลกิจเจริญ ทายาทธุรกิจร้านนายอ้วนเย็นตาโฟ เสาชิงช้า ในฐานะตัวแทน BIS รุ่น 4 เผยว่า “สิ่งที่ได้จากการเรียน เช่น ศาสตร์ของการบริหารคน, การบริหารงาน และที่สำคัญการบริหารใจของผู้ประกอบการเรื่องนี้สำคัญมาก รวมถึงเรื่อง branding, leadership, passion และ storytelling ทุกเรื่องล้วนได้กลับนำมาใช้ในกิจการของเราทั้งหมด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การปลูกฝังเรื่องของทัศนคติในการใช้ชีวิต และการทำธุรกิจ ตั้งแต่มาเรียนทัศนคติของตัวเองเปลี่ยนแปลงไป จากคำสอนของ ดร.แสงสุข ที่ว่า วิธีคิดสำคัญกว่าวิธีการ เมื่อคุณคิดได้และคิดเป็น วิธีการจะตามมาเอง และทำให้ธุรกิจของตัวเองเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้การมีครูที่ดี มีโรงเรียนที่ดี มีหลักสูตรที่ดี และมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนร่วมคลาส เป็นเสมือนจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นที่มาต่อร่วมกัน ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้และไอเดียซึ่งกันและกัน ซึ่งหลังจากเรียนจบคอร์สนี้ ร้านนายอ้วนเย็นตาโฟ เสาชิงช้า ก็ได้เปิดเพิ่มอีก 4 สาขาเลยค่ะ”
ทายาทธุรกิจที่ต้องสานกิจการของครอบครัว เผยว่า “ทุกธุรกิจเวลาที่จะเติบโตขึ้น ต้องออกไปลองผิดลองถูกมากมาย แต่การมาเรียนที่ BIS ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก แต่มีหน้าที่ออกไปลองถูก พอลุยเสร็จส่งความสำเร็จกลับมาที่โรงเรียนด้วย นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ และทำให้นายอ้วนเย็นตาโฟเชื่อมั่น เดินตามความฝัน แล้ววันหนึ่งเราจะเปลี่ยน Local Street Food เป็น Global Street Food ค่ะ”
ส่วน ธัญชนก วัชโรธัย ตัวแทนศิษย์ปัจจุบันรุ่น 5.1 เผยเหตุผลที่ตัดสินใจมาเรียนรู้เพิ่มเติมที่ BIS ว่า “ได้ยินชื่อเสียงของคอร์สนี้มานานแล้วว่าเรียนแล้วได้ผลจริง เลยอยากจะมาลองคอร์ส พรีก่อน ที่จะเร่งการเติบโตของธุรกิจด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ภายใน 4 วัน เพิ่งเข้าคลาสเรียนไป 2 ครั้ง คือได้ผลเกินคาดเลย เรียนไปแล้วทำให้รู้สึกไฟในการทำงานลุกโชนขึ้นมาเลยค่ะ เพราะหลังจากเรียนในแต่ละครั้ง ก็ได้นำคำแนะนำที่อาจารย์ และ ดร.แสงสุข สอนไว้นำมาปรับในธุรกิจของเรา ซึ่งเห็นผลได้อย่างชัดเจนทันทีเลยค่ะ”
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจติดอาวุธลับให้กับธุรกิจของตัวเอง โรงเรียนบ่มเพาะธุรกิจ Business Incubation School เปิดอบรมหลักสูตร “เตรียมความพร้อมเป็นผู้ประกอบการ รุ่น 5.2 ” ระหว่างวันที่ 6 -14 กันยายนนี้ โดยจะอบรมทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 - 21.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00 - 21.00 น. ทั้งหมด 4 วัน (รวม 36 ชั่วโมง) ณ อาคารสมูท ไลฟ์ ทาวเวอร์ สาทร ชั้น 12 (ติดอาคารทิสโก้ สาทร) ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่สามารถเติบโต และยืนหยัดได้ในระดับโลก ด้วยหลักสูตรการศึกษาที่เรียนจากของจริง แล้วย้ำให้ทำจริงจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตัวจริง