Home > Knowledge > Blog

ฟรีวีซ่า ประตูสู่โลกกว้าง

Posted By Plook Travel | 08 ก.ค. 62

2,862 Views

Favorite

หลายวันมานี้ทุกท่านคงได้ยินข่าวที่ไต้หวันต่ออายุฟรีวีซ่าให้กับชาวไทยอีก 1 ปี หลายคนที่มีแผนจะไปท่องเที่ยวที่ไต้หวันคงดีใจกัน แต่บางท่านอาจจะยังสงสัยและไม่ทราบว่าวีซ่าและฟรีวีซ่าคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ทำไมเราจึงต้องขอวีซ่า วันนี้ ครูพี่หมุย SociThai จะมาอธิบายให้ผู้อ่านและเหล่านักท่องเที่ยวมือใหม่ได้ทราบกัน

วีซ่า (Visa) และ ฟรีวีซ่า (Free Visa) คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร

วีซ่า (Visa) คือ เอกสารหรือหลักฐานในการแสดงว่าบุคคลนั้นได้รับการอนุญาตให้เข้าสู่เขตแดนหรือประเทศ โดยวีซ่าจะเป็นรอยประทับหรือแผ่นกระดาษสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ภายในหนังสือเดินทาง ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด โดยจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป เช่น เขตพื้นที่ที่อนุญาตให้เข้าถึง ระยะเวลาของวีซ่า จำนวนครั้งในการเดินทางเข้าออกประเทศ อย่างไรก็ตาม วีซ่าไม่ได้เป็นการรับประกันว่าจะได้เข้าประเทศนั้นอย่างแน่นอน เพราะสามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้1 ส่วนฟรีวีซ่า (Visa) คือ การได้รับการยกเว้นโดยไม่ต้องขออนุญาตเข้าสู่เขตแดนหรือประเทศ เช่น ประเทศไทยไม่ต้องขอวีซ่าเวลาเข้าประเทศในอาเซียน หรือล่าสุดที่ประเทศพม่าไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

ฟรีวีซ่ากับการตัดสินใจออกไปท่องเที่ยว

ฟรีวีซ่ามีผลต่อการท่องเที่ยวอย่างไรนั้น ต้องย้อนกลับไปดูสาเหตุหลักในการจะตัดสินใจไปเที่ยวประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งเราหลายคนก็คงเคยคำนึงถึงความยากง่ายในการเข้าถึงประเทศนั้น เช่น หากพี่หมุยอยากไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา แต่พอค้นข้อมูลก็พบว่าต้องเตรียมเอกสารมากมายและมีหลายขั้นตอน และมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ถูกปฏิเสธวีซ่า และต้องยื่นหลายครั้งในการขอวีซ่าให้ผ่าน ทำให้เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย จุดนี้อาจจะทำให้ความอยากเที่ยวลดลงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา ในทางตรงกันข้าม หากพี่หมุยต้องการไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ พี่หมุยก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารมากเหมือนกับที่จะไปสหรัฐอเมริกา เพราะคนไทยสามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์และพำนักอยู่โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เป็นเวลา 30 วัน พี่หมุยก็จะตัดสินใจไปเที่ยวได้ง่ายขึ้นเพราะ ไม่ต้องกังวลว่าจะขอวีซ่าผ่านหรือไม่ผ่าน และไม่มีค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าเพิ่มด้วย

ฟรีวีซ่า กับหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพล

ฟรีวีซ่านอกจากจะเป็นหลักฐานที่แสดงว่าบุคคลนั้นได้รับการอนุญาตแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับฟรีวีซ่า อย่างในกรณีล่าสุดมีการจัดอันดับหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2019 ที่ประกาศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยอันดับที่ 1 ได้แก่ ญี่ปุ่น (190 ประเทศ) ต่อมาอันดับที่ 2 คือสิงคโปร์และเกาหลีใต้ (189 ประเทศ) และอันดับที่ 3 ได้แก่ ฝรั่งเศสและเยอรมนี (188 ประเทศ) สิ่งที่น่าสนใจคือ อันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 เป็นประเทศในเอเชีย แสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้สาเหตุที่ทำให้หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอาจเป็นเพราะวิถีชีวิต ความมีระเบียบวินัยของผู้คนในประเทศประกอบอีกด้วย

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป