เมื่อพูดถึงกาแฟ สิ่งแรกที่คนทั่วไปจะนึกถึงคือ กาเฟอีน (Caffeine) กาเฟอีนจัดเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และกลไกการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัว อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ต้องการทราบว่า กาเฟอีนจะส่งผลต่อความรู้สึกอยากขับถ่ายหรือไม่ พวกเขาจึงได้ทำการทดลองกับหนูทดลอง
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ได้ทำการทดลองโดยแบ่งหนูเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มแรก จะให้หนูได้รับกาแฟแบบปกติ และกลุ่มที่สอง จะให้หนูได้รับกาแฟแบบไม่มีกาเฟอีน (Decaf Coffee) แล้วสังเกตการตอบสนองของเซลล์กล้ามเนื้อและการหดตัวของกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหารส่วนล่างต่อกาแฟทั้งสองแบบ
ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่า กล้ามเนื้อของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่จะมีการบีบเกร็งมากขึ้นหลังจากได้รับกาแฟ และมีผลในการกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารก็สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น จึงสรุปว่า กาแฟมีส่วนช่วยกระตุ้นการขับถ่ายจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตอบสนองดังกล่าว พบได้ในหนูทดลองทั้งสองกลุ่ม ดังนั้น กาเฟอีนจึงไม่มีผลต่อการขับถ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ เมื่อลองนำอุจจาระของหนูทดลองมาวิเคราะห์ พบว่า จำนวนแบคทีเรียหลังจากได้รับกาแฟมีน้อยกว่าก่อนได้รับกาแฟ ยิ่งไปกว่านั้น หากนำก้อนอุจจาระใส่ลงในสารละลายกาแฟ (ทั้งแบบมีและไม่มีกาเฟอีน) 1.5% จะทำให้การเจริญเติบโตของแบคทีเรียหยุดลง และเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเมื่อเพิ่มปริมาณกาแฟเป็น 3% นั่นหมายความว่า กาแฟมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียได้
อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังไปในปี 1990 งานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับผลของการดื่มกาแฟกับความรู้สึกอยากขับถ่าย ซึ่งผลการวิจัยสรุปออกมาว่า คนที่รู้สึกอยากขับถ่ายหลังจากการดื่มกาแฟนั้น มีเพียง 30% นั่นคือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ผลเช่นนั้นนั่นเอง
และจนถึง ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่า กาแฟมีส่วนช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากขับถ่ายได้อย่างแน่นอน รวมไปถึงคุณสมบัติในการช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่นักวิจัยต้องทำการศึกษาต่อไป ผลวิจัยที่แน่ชัดแล้วมีเพียง กาแฟทำให้ลำไส้ใหญ่แข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง