การวิ่ง เป็นการออกกำลังที่ได้ประโยชน์หลายอย่าง ที่สำคัญเริ่มต้นง่าย ไม่ต้องลงทุนเยอะ แค่มีรองเท้าผ้าใบดี ๆ สักคู่ก็ออกไปวิ่งได้แล้ว แต่ด้วยสภาพอากาศเมืองไทย ที่บางวันร้อนจัด บางวันฝนตกหนักน้ำท่วม บางช่วงก็มีฝุ่นพิษ ทำให้การวิ่งนอกบ้านเป็นเรื่องที่ต้องทำให้สาว ๆ คิดแล้วคิดอีก จึงต้องหันมาวิ่งบนลู่ไฟฟ้าตามยิมต่าง ๆ หรือบางคนกำลังหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าดี เพราะวิ่งบนลู่ไฟฟ้ากับออกไปวิ่งนอกบ้าน ชนนก ชมไม้ ชมสวน แบบไหนมันจะดีกว่ากัน ? ไม่ต้องสงสัยนานค่ะ เพราะที่นี่หาคำตอบดี ๆ มาเตรียมไว้ให้แล้ว
เอาจริง ๆ ต้องยอมรับนะคะว่าวิ่งแกน ๆ บนลู่ไฟฟ้า ในห้องหับมิดชิด รับลมจากเครื่องปรับอากาศ จ้องแต่วิวเดิม ๆ นานหลายสิบนาที จะมีความตื่นเต้นเมื่อเทียบกับการได้ชมวิวในสวน มองเด็ก ๆ วิ่งเล่น หรือแม้กระทั่งการลุ้นระทึกว่ารถที่วิ่งสวนมาจะชนเราหรือเปล่าได้อย่างไร มันก็ต้องต่างกันเห็น ๆ จริงไหมคะ แต่ถ้าเราจะถามว่าวิ่งแบบไหนดีกว่ากัน ต้องตัดสินที่การวิจัยถึงจะยุติธรรม
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำการตั้งกล้องจับความเร็ว และหาค่าแรงต้าน แรงกระแทกจากการวิ่งข้างนอกเปรียบเทียบกับการวิ่งบนสายพาน และนำข้อมูลที่ได้เผยแพร่ในวารสาร Medicine & Science in Sport & Exercise 2008 ว่าการวิ่งบนลู่กับการวิ่งนอกบ้านมีความแตกต่างกันโดยเฉพาะ องศาการหมุน การรับแรงกระแทก การเผาผลาญพลังงานต่างกัน แต่โดยรวมแล้วต่างกันไม่มาก และความแตกต่างเหล่านี้ก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจุดประสงค์ของผู้วิ่งด้วย มาดูกันว่าข้อดีข้อเสียของการวิ่งบนลู่ไฟฟ้า กับวิ่งนอกบ้านมีอะไรบ้าง
1. ได้ตื่นเต้นกับทิวทัศน์ละลานตา ชมนก ชมไม้ วิ่งได้นานโดยไม่น่าเบื่อ
2. สัมผัสสายลม แสงแดด หายใจได้เต็มปอด ได้รับออกซิเจนมากกว่า
3. เผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า กล้ามเนื้อทำงานหนักกว่า เพราะต้องออกแรงผลักเพื่อให้ตัวพุ่งไปข้างหน้า หรืออาจต้องออกแรงต้านลมหรือสภาพทางที่มีความลาดชัน มีแอ่ง หลุม บ่อ น้ำนองบนถนน ทำให้ต้องใช้ทักษะในการทรงตัวและเคลื่อนไหวมากกกว่าวิ่งสวย ๆ บนลู่ไฟฟ้า ทำให้อึดและแกร่งกว่าวิ่งบนลู่
4. เปลี่ยนเส้นทางวิ่งได้เรื่อย ๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ
1. ต้องขึ้นกับสภาพอากาศ ฝนตกหนัก แดดจัด ลมแรงจัด ฝุ่นพิษฟุ้งก็อดวิ่ง
2. เกิดแรงกระแทกมากกว่า ทำให้เสี่ยงบาดเจ็บง่าย ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า หรือน้ำหนักตัวมาก ๆ
3. เกิดอุบัติเหตุง่ายกว่า ไหนจะต้องหลบเด็กวิ่งเล่น หลบคนเดิน หมาวิ่งตัดหน้า ฯลฯ
4. ควบคุมความเร็วด้วยตัวเอง จึงอาจวิ่งช้าลงโดยไม่รู้ตัว ทำความเร็วไม่สม่ำเสมอ
1. วิ่งเมื่อไร ตอนไหน สภาพอากาศเป็นอย่างไรก็วิ่งได้ ไม่กลัวแดด ฝน หรือฝุ่น
2. ปลอดภัยไม่มีสิ่งกีดขวาง หรืออุปสรรค์ใด ๆ มารบกวนการวิ่ง
3. แรงกระแทกน้อย เป็นมิตรกับข้อต่อและกระดูก เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาข้อเข่า และผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
4. สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปด้วยได้ เช่น ดูหนัง ตอบแชท เล่นสมาร์ทโฟน
5. ความเร็วสม่ำเสมอ คงที่
1. เหนื่อยน้อยกว่า เผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่า
2. เกิดความเบื่อได้ง่าย
3. ต้องฝึกทักษะการทรงตัวเพิ่ม
4. เหนื่อยแล้วหยุดเองไม่ได้ ผ่อนความเร็วทันทีไม่ได้
5. สิ้นเปลือง ไหนจะค่าลู่วิ่งไฟฟ้า ค่าสมัครสมาชิกยิม ค่าไฟ
จะว่าไปมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง สำหรับคนที่จำเป็นต้องวิ่งบนลู่ไฟฟ้าและอยากให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้นใกล้เคียงกับการวิ่งนอกบ้าน ก็สามารถทำได้โดยปรับเพิ่มความชันของลู่ไฟฟ้าไปที่ 1% ก็ช่วยได้ค่ะ แต่สำหรับคนที่ซ้อมวิ่งเพื่อเข้าแข่งขันหรือวิ่งตามงานวิ่งต่าง ๆ ซ้อมวิ่งบนลู่ไฟฟ้าอย่างเดียวไม่ได้ ควรซ้อมควบคู่ไปกับการวิ่งนอกบ้าน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ อาจมีวันที่ต้องหลบฝนมาซ้อมวิ่งบนลู่บ้างสัก 40% ก็พอไหวนะคะ แต่ถ้าสำหรับสาว ๆ ที่อยากเริ่มต้นวิ่งแบบสวย ๆ วิ่งบนลู่ไปก่อน แล้วหาวันว่างออกไปวิ่งนอกบ้านเพิ่มความท้าทาย ก็จะช่วยให้สนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้นค่ะ