พ่อแม่หลายท่านคงไม่ทราบว่าการพาลูกออกไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่รอบด้านให้กับลูกได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
การที่ลูกได้สูดอากาศบริสุทธิ์ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ จะช่วยให้ลูกได้รับอ๊อกชิเจนที่จำเป็นต่อระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกาย กระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน ไม่ป่วยง่าย พื้นที่ธรรมชาติเป็นสนามเรียนรู้ของลูกที่ไม่มีขอบเขต การที่ลูกได้ปีนป่ายต้นไม้ ได้วิ่งเล่นบนสนามหญ้า การปล่อยให้ลูกได้วิ่งเล่น หกล้ม เลอะเทอะบ้าง นอกจากจะช่วยพัฒนาในเรื่องของระบบกล้ามเนื้อมัดใหญ่ให้แข็งแรงแล้ว ยังทำให้ลูกเกิดทักษะการทรงตัวที่ดี มีความคล่องแคล่วว่องไว สามารถช่วยเหลือตนเองได้ดี และเรียนรู้ที่จะระมัดระวังตัวเองอีกด้วย
การที่พ่อแม่ชวนลูกออกไปสัมผัสธรรมชาติ เดินเล่นในสวน ดูต้นไม้ ดูนก ดูแมลง หรือการพาลูกออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น การที่ลูกได้เล่นกับผู้อื่นบ้าง ก็จะช่วยส่งเสริมทักษะการเข้าสังคม และสอนให้ลูกเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสงบสุข
การให้ลูกได้ออกไปใช้ชีวิตสัมผัสกับธรรมชาติบ้าง จะช่วยส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ ทำให้ลูกรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีความสุข ที่สำคัญธรรมชาติยังช่วยกล่อมเกลาให้ลูกมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้น สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการอยู่ในที่อากาศดีและสูดอากาศบริสุทธิ์ จะช่วยให้หัวใจ ปอด และระบบหมุนเวียนของเลือดทำงานดี การที่ลูกมีสุขภาพที่ดี ย่อมส่งผลให้ลูกมีอารมณ์ที่แจ่มใส และมีความพร้อมในการเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ต่อไปได้ด้วย
การที่ลูกได้ออกมาวิ่งเล่น ได้เห็น ได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว การได้ใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ สัมผัสกับพื้นผิวที่แปลกใหม่จะทำให้พัฒนาการทางสมองเกิดการตื่นตัว กระตุ้นให้ระบบประสาททำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อย่างสมวัย และการที่พ่อแม่ชี้ชวนให้ลูกได้รู้จักกับธรรมชาติรอบตัว จะช่วยเพิ่มพูนคำศัพท์ เป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา ด้วยการเรียนรู้ภาษาโดยผ่านธรรมชาติรอบตัว
เมื่อเราห่างไกลจากธรรมชาติ หลาย ๆ อย่างที่ดีก็หายไป ที่เห็นได้ชัดเจน คงจะเป็นในเรื่องของภูมิคุ้มกันทางร่างกาย ที่ว่าทำไมสมัยนี้พวกเรา โดยเฉพาะเด็ก ถึงเจ็บป่วยง่ายกันเหลือเกิน
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.