ดังนั้นถึงเวลาแล้วหรือยังที่พ่อแม่ควรหันมาให้ความสนใจ และสร้างความเข้าใจถึงพฤติกรรมในแต่ละช่วงวัยของลูก ซึ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับลูกได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะในช่วงวัย 1-3 ปี เด็กในช่วงวัยนี้ ยังขาดเรื่องของความรู้และความเข้าใจต่อสิ่งต่าง ๆ ยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งใดมีอันตราย สิ่งใดที่ไม่ควรไปยุ่งด้วย ดังนั้นในช่วงวัยนี้พ่อแม่จะต้องให้การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ลูกอยู่ตามลำพัง และที่สำคัญต้องจัดสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงดูให้เหมาะสม มีความปลอดภัย และเอื้อต่อการทำกิจกรรมเรียนรู้ต่าง ๆ ของลูก
ในช่วงวัย 3-5 ปีจะเริ่มเป็นวัยที่ลูกเริ่มมีความสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้น และด้วยพัฒนาการทางร่างกายที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ลูกสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในบางครั้งลูกอาจไปลองทำอะไรที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงเพราะแค่เห็นเป็นสิ่งใหม่ ๆ ดังนั้นในวัยนี้ พ่อแม่ควรเริ่มสอนให้ลูกรู้จักว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ สิ่งใดเป็นอันตราย และไม่ควรเข้าใกล้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้พ่อแม่อาจต้องเฝ้าดู และเน้นย้ำทำความเข้าใจกับลูกด้วยเหตุผล ไม่ใช่แค่การดุ หรือห้าม เพราะจะยิ่งทำให้ลูกเกิดการต่อต้าน และปิดการรับรู้ในเรื่องนั้น ๆ ไป
ในช่วงวัยตั้งแต่ 6 ขวบ ขึ้นไป ในวัยนี้ลูกจะเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง อยากรู้ อยากลอง อยากทำในสิ่งใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยใหม่ที่ลูกสามารถเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีได้โดยง่าย จะยิ่งทำให้ลูกมีความกระตือรือร้น และมีความปราถนาที่จะทำในสิ่งที่รู้สึกว่าท้าทาย ซึ่งในบางเรื่องเป็นอันตราย และยังไม่เหมาะสมกับวัย ดังนั้นพ่อแม่จึงควรให้ความเอาใจใส่และดูแลลูกในวัยนี้อย่างใกล้ชิด ให้ความรัก ความเข้าใจ และที่สำคัญให้อภัยหากลูกได้ทำอะไรที่ผิดพลาดไป เพื่อให้โอกาสลูกได้แก้ตัว และเปิดโอกาส เปิดใจ รับฟังในเหตุผลของพ่อแม่
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.