แน่นอนว่าอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไปทุกอย่างล้วนส่งตรงไปสู่เบบี๋ในพุงแม่ คุณประโยชน์ของสารอาหารแต่ละชนิดจะถูกเปลี่ยนไปเป็นแหล่งผลิตกล้ามเนื้อ เซลล์อวัยวะสำคัญต่าง ๆ สร้างมวลกระดูก รวมไปถึงควบคุมสภาพความสมดุลของทารกในครรภ์มารดา ช่วงตั้งท้องคุณแม่จึงจำเป็นต้องเลือกสรร เคร่งครัดเรื่องอาหารการกิน เลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ และถ้าอยากให้ลูกฉลาด สมองดี คิดเร็ว ความจำเป็นเลิศ ก็ต้องเลือกกินอาหาร 11 ชนิดต่อไปนี้ค่ะ
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นไขมันที่ดีต่อสมอง ช่วยกระตุ้นความจำ บำรุงเซลล์สมอง เพิ่มประสิทธิภาพด้านความจำ งานวิจัยพบว่าแม่ท้องที่กินปลามาก ๆ ในช่วง 2 ไตรมาสแรก ทารกจะมีพัฒนาการด้านสติปัญญาสูงมากขึ้น ในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 2 แล ะ3 ควรได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA วันละไม่น้อยกว่า 300 มิลลิกรัม เพื่อการพัฒนาการที่ดีของเซลล์สมอง
อาหารที่อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า 3 ก็คือ ปลาทะเล เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลม่อน ปลาซาบะ ปลาแมคเคอเรล รวมไปถึง หอยนางรม หอยพัด หอยกาบ กุ้ง และปลาหมึก และปลาทะเลอื่น ๆ แต่สิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรระมัดระวังในเรื่องการกินปลาทะเลก็คือ การปนเปื้อนสารปรอท ดังนั้นควรเลือกซื้อปลาจากแหล่งที่มั่นใจได้เท่านั้นนะคะ มิฉะนั้นอาจส่งผลเสียต่อลูกในท้องมากกว่าค่ะ
ถือเป็นสารอาหารจำเป็นที่ช่วยสร้างเซลล์สมอง รวมถึงระบบประสาทและไขสันหลังให้ลูกน้อยในครรภ์แม่ หากได้รับโฟเลตไม่เพียงพอตั้งแต่ในช่วงระหว่างที่มีการปฏิสนธิ และในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกเกิดความพิการทางสมอง และมีความเสี่ยงต่อการเป็นท่อระบบประสาทผิดปรกติ คุณแม่ตั้งท้องจึงควรได้รับโฟเลตวันละ 400-800 ไมโครกรัม กินได้ตั้งแต่เตรียมตั้งท้องไปจนถึงไตรมาสที่ 3
อาหารที่มีโฟเลตสูงคือ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แครอท แคนตาลูป ฟักทอง อโวคาโด ถั่ว แป้งไรย์แบบสีเข้มที่ไม่ผ่านการขัดสี ฯลฯ
ช่วงตั้งท้องคุณแม่ต้องใช้เลือดเยอะ ร่างกายจึงต้องการธาตุเหล็กสูงมากเป็น 2 เท่า เพื่อสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซึ่งใช้ลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายรวมถึงออกซิเจนไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ ถ้าแม่ขาดธาตุเหล็กก็เท่ากับลูกขาดออกซิเจน ส่งผลให้มีควมเสี่ยงกับพัฒนาการล่าช้า มีระดับไอคิวไม่สูงเท่าที่ควร ช่วงตั้งท้องจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 30 มิลลิกรัม เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเลือดและสะสมน้ำนมช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3
อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ ไข่แดง หอยกาบ หอยนางรม ธัญพืช ลูกพีชแห้ง ถั่วต่าง ๆ ข้าวโอ๊ต หน่อไม้ฝรั่ง ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา มะกอก กระถิน ฯลฯ
ไอโอดีนจำเป็นต่อการพัฒนาทางสมอง ระบบประสาทและความจำของทารกในครรภ์ และในช่วงท้อง ต่อมไทรอยด์จะทำงานหนักขึ้น ร่างกายจึงต้องการไอโอดีนเพิ่ม หากคุณแม่ได้รับไอโอดีนไม่เพียงพ อาจทำให้เกิดโรคคอหอยพอก ส่งผลให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวน้อย แคระแกร็น สติปัญญาต่ำ คุณแม่ท้องควรได้รับไอโอดีนวันละ 175-200 ไมโครกรัม
อาหารที่เป็นแหล่งไอโอดีน ได้แก่ เกลือเสริมไอโอดีน อาหารทะเลทุกชนิดและผักที่ปลูกในดินที่มีแร่ธาตุไอโอดีนสูง
อะเซทิลโคลีน คือ สารที่พบในขนมปังโฮลวีทและข้าวซ้อมมือ เป็นสารอาหารที่ช่วยด้านการทำงานของระบบประสาทให้เชื่อมโยงกับเซลล์สมอง เพื่อให้นำส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้นตามไปด้วย
ถือเป็นวิตามินที่จำเป็นมากสำหรับพัฒนาการทางสมองส่วนกลางของทารกในครรภ์ ช่วงตั้งท้องคุณแม่ควรได้รับวิตามินบี 1 วันละ 1.5-1.6 มิลลิกรัม
อาหารที่เป็นแหล่งรวมวิตามินบี 1 ได้แก่ ผักสด โฮลวีท ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วลิสง รำข้าว ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี บริวเวอร์ยีสต์ นม ไข่แดง เนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน ฯลฯ
เป็นวิตามินที่ช่วยด้านการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมองของลูกในท้อง หากคุณแม่ได้รับในปริมาณไม่เพียงพอ จะทำให้ทารกมีขนาดสมองเล็ก ปริมาณวิตามินบี 2 ที่แม่ท้องควรได้รับตลอดการตั้งครรภ์คือ ไม่น้อยกว่า 1.6 มิลลิกรัม เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เม็ดเลือดแดงคงสภาพ และบำรุงระบบประสาท
แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง ได้แก่ ไข่ นม ถั่ว โยเกิร์ต ชีส ผักใบเขียว เนื้อปลา และตับ
วิตามินบี 6 นับเป็นวิตามินบีอีกตัวที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมองและระบบประสาทของทารกในท้อง ดีสำหรับแม่ท้องเพราะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ ควรได้รับในปริมาณ 2.2 มิลลิกรัมต่อวัน
อาหารที่มีวิตามินบี 6 สูงคือ ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี รำข้าว จมูกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ถั่วลิสง ถั่วเหลือง วอลนัต บริวเวอร์ยีสต์ กะหล่ำปลี แคนตาลูป ไข่ไก่ ตับ และเนื้อปลา
ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ความจำเส่ื่อม และช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง นอกจากนี้วิตามินบี 12 ยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดมีขนาดปรกติ ไม่ขาดธาตุเหล็ก ช่วยให้ทารกในครรภ์เติบโตอย่างปรกติ เซลล์สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ ได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ แม่ท้องควรได้รับวิตามินบี 12 วันละ 2.2 ไมโครกรัม ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงไตรมาสสุดท้าย
อาหารที่พบวิตามินบี 12 สูงคือ ตับ นม ไข่แดง ชีส เนื้อหมู เนื้อวัว และหอยนางรม
เพราะผักและผลไม้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อเซลล์สมองของลูกไม่ให้ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายได้ คุณแม่ควรเลือกกินผักและผลไม้ที่มีสีสันสดใสหรือสีเข้ม เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า เช่น ผักใบเขียวเข้ม มะเขือเทศ มะละกอ สตรอวเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ เป็นต้น
นอกจากอาหารแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต่อพัฒนาการทางสมองของลูกในท้องก็คือ น้ำ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและช่วยหล่อเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในสมองด้วย คุณแม่ท้องจึงต้องดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย วันละ 10-12 แก้ว ตลอดระยะเวลาที่ตั้งท้อง