ทีนี้เพื่อนก็เลยจัดเต็ม กิจกรรมแน่นมาก ๆๆๆ ที่ถ่ายรูปสวยงามสารพัดจึงต้องขอแบ่ง 2 ส่วนเช่นเคยค่ะ (เพราะย่อแล้วย่ออีก ก็ยังยาวย้าวยาว ยาวจุใจไปเลย)
ส่วนแรกครึ่งเช้า: วัดปรมัยยิกาวาส หอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผาและพิพิธภัณฑ์ ร.5 ล่องเรือรอบเกาะ บ้านลัดดาบาติก วัดแสงสิริธรรม ร้านสมชาย บ้านขนมหวานไทย วัดไผ่ล้อม โรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม
ส่วนหลังครึ่งบ่าย: เตี๋ยวอิงน้ำ ทอดมันหน่อกะลา ช่อม่วงปั้นประดิษฐ์ ปั่นจักรยานรอบเกาะผ่าน ร้านกาแฟบ้านเลขที่ 1 บ้านมอญ 250 ปี บ้านศิลป์สยาม ร้านขนมส้มตำบ้านป้าสุ่น ร้านกาแฟคั่วมือ วัดฉิมพลี วัดป่าเลไลยก์ สวนเกร็ดพุทธ โรงสีสตูดิโอ ร้านขนมถ้วยคันทรี่
เป้าหมายแรกของเราคือท่าเรือ วัดสนามเหนือ ค่ะ ก่อนถึงท่าเรือมีตลาดหมวกสานสารพัดราคาย่อมเยา ถูกที่สุดเพียง 20 บาท จากนั้นก็ลงเรือข้ามฟาก ไปยังเกาะเกร็ด ค่าเรือ 2 บาท/คน/เที่ยว จ่ายตอนขึ้นฝั่งเกาะเกร็ดที่ท่าเรือ วัดปรมัยยิกาวาส
ถึงแล้วก็เลี้ยวขวาไปสู่เจดีย์ทรงรามัญริมน้ำของวัดปรมัยยิกาวาส แลนด์มาร์กสำคัญที่สร้างโดยชาวมอญซึ่งตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ที่เอียงเพราะน้ำเซาะตลิ่งพังเลยทรุดลงมาบางส่วน เมื่อมีการอนุรักษ์ตามหลักการก็ต้องรักษาสภาพเดิมไม่ให้พังไปกว่าเดิม ไม่อาจดึงให้ตรงได้เพราะจะกระทบโครงสร้างและสภาพทางศิลปกรรมและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ค่ะ
วัดนี้เป็นวัดที่ ร.5 ทรงให้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ใหม่ทั้งวัด โดยรักษารูปแบบมอญไว้เพื่อเป็นพระราชกุศลให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร ผู้เป็น ‘เสด็จยาย’ ของพระองค์ ด้วยทรงเป็นพระปิตุจฉา (อาหญิง) ของสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชชนนีของ ร.5 และยังเป็นผู้อภิบาลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์อีกด้วย
ในพระอุโบสถประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม และกรอบประตูและเพดานสไตล์ผสมผสานทั้งไทยและตะวันตก กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมอันงดงามนี้ได้โดยการหย่อนตู้รับบริจาค
รอบพระอุโบสถมีซุ้มเจดีย์ทรงรามัญที่มุม และมีพระมหารามัญเจดีย์ซึ่ง ร.5 เสด็จมาทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่นี่ตั้งอยู่ถัดมา
มุขด้านหน้าพระวิหารมี ‘พระนนทมุนินท์’ พระพุทธรูปสำคัญซึ่งผู้ที่มาเป็นผู้ว่าเมืองนนท์ทุกคนจะต้องมากราบ ส่วนภายในมีพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่
ที่นี่ยังมีหอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผาและพิพิธภัณฑ์ ร.5
ชั้นล่างเป็นหอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผา จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา
มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการปั้นเครื่องปั้นดินเผา การจำลองเตาที่ใช้ในการเผาเครื่องปั้นดินเผาเหล่านั้น
เครื่องปั้นดินเผาสไตล์รามัญของเกาะเกร็ดเป็นเครื่องปั้นดินเผาแบบไม่เคลือบ แต่ชิ้นงาม ๆ จะมีแกะสลักลวดลายวิจิตรลงไป โดยเฉพาะรูปหงส์ ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมอญ
ขณะที่ชั้นบนเป็น พิพิธภัณฑ์ ร.5 จัดแสดงเครื่องประกอบพิธีและสิ่งของต่าง ๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ในงานพิธีและชีวิตประจำวัน อันสะท้อนอัตลักษณ์ของชาวไทยมอญ ณ เกาะเกร็ด รวมถึงของที่ ร.5 พระราชทานให้อีกด้วย
ใกล้ 10.00 น. แล้ว เดินย้อนกลับมาทางท่าเรือเพื่อซื้อตั๋วล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะ (10.00-16.00 น. ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงครึ่ง/รอบ) ระหว่างรอก็ไปซื้อผลิตภัณฑ์ชุบแป้งทอดจากพฤกษานานาพรรณมากินเล่นกันได้ มีทั้งดอกขจร ดอกแค ดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ ใบชะพลู หน่อกะลา ฯลฯ
กล่องใหญ่มาก 50 บาท ถ้าไม่มีเพื่อนมาก็จุกกันได้เลยทีเดียว
หาที่นั่งเหมาะ ๆ ในเรือแล้วก็ได้ฤกษ์ถ่ายรูปทัศนียภาพ 2 ฝั่งน้ำ ซึ่งเดิมทีเกาะเกร็ดก็ไม่ได้เป็นเกาะ แต่เป็นพื้นที่คล้าย ๆ แหลม กระทั่งมีการขุดคลองลัดเกร็ดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาใน พ.ศ. 2265 สมัยพระเจ้าท้ายสระ กระแสน้ำเปลี่ยนทิศ กัดเซาะฝั่งคลองจนกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นแม่น้ำไปเลย
แล้วก็มาถึงจุดแรก บ้านลัดดาบาติก ที่เริ่มจากการที่คุณลัดดา ได้นำความรู้เรื่องการทำผ้าบาติกมาเผยแพร่ในหมู่สมาชิกครอบครัวและเพื่อนบ้านที่สนใจ เป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น สามารถจองรอบกิจกรรม DIY เขียนลายผ้าบาติกได้ด้วยระหว่างเวลา 10.00-15.00 น. รอบละราว 30 นาที 5-10 คน จองล่วงหน้า 2-3 วัน ได้ที่ 089-682-7164 (ผ้าเช็ดหน้า 100 บาท กระเป๋าเพนท์ 200 บาท)
นอกจากนี้ ในบริเวณบ้านยังมีการทำปั้นขลิบไส้ปลา (ฮาลาล) โดยคุณปราณีซึ่งเป็นญาติกันด้วย หากสนใจสามารถโทรจองล่วงหน้า 2-3 วัน ได้ที่ 089-682-7164 คนละ 50 บาท รอบละ 5-10 คน ใช้เวลาราว 30 นาที ทำเสร็จได้ขนมกลับไปรับประทานค่ะ
พอกลับลงเรือแล้วหันมองไปอีกทีก็เห็นเรือและเปลใต้ถุนบ้านท่าทางเย็นสบายทีเดียว
จุดที่ 2 ที่เรือพาจอดแวะคือ วัดแสงสิริธรรม หน้าวัดเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ มีปลาแหวกว่ายให้เห็นเรื่อย ๆ เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดราษฎร์ คือสร้างโดยราษฎร ใบเสมาในซุ้มจึงมีเพียงใบเดียว จะแตกต่างกับวัดหลวงที่มีใบเสมาคู่เช่นที่วัดพระแก้ว
ด้านในมีพระอุโบสถเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าสัวเนียมได้มาจัดการให้บูรณะซ่อมแซม และประดับลายปูนปั้นอย่างไทย-จีนไว้ในสมัย ร.3
จากนั้นเรือก็จะพาเรามาจอด ณ ร้านสมชาย บ้านขนมหวานไทย มีขนมไทยหวานหอมนานาชนิด ราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อหากันได้
สำหรับท่านที่ยังไม่เหนื่อยหรือมีธุระที่อื่นต่อ เรือก็จะจอดส่งให้ที่ วัดไผ่ล้อม ซึ่งมีสถาปัตยกรรมสไตล์มอญและสวนเล็ก ๆ น่ารักให้แวะชื่นชมและถ่ายภาพกันได้ค่ะ
ออกมาเลี้ยวซ้ายไปชม โรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม ซึ่งทดลองปั้นได้ด้วย เพียงซื้อดินก้อนละ 50 บาท มีครูสอนให้ฟรี แถมใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องจองล่วงหน้าด้วยค่ะ
บ่อดินเหนียวภายในโรงงาน
เตาเผาเครื่องปั้นขนาดใหญ่ของแท้ดั้งเดิม ป้าบอกว่ากว่าจะเผาทีละครั้งต้องจุดเตาให้ร้อนได้ที่ก่อน ใช้เวลาในกระบวนการนี้เป็นวัน ๆ เลยค่ะ ระหว่างเผาก็ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมด้วย
คุณลุงช่างปั้นกำลังทำงานและอธิบายให้ความรู้นักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มใจดี
เมื่อถึงคิวแล้วก็ไปปั้นกันได้เลยค่ะ โดยครูจะเตรียมดินให้ 1 ก้อน เหมือนรูปทางขวามือ เอาวางบนแป้นหมุน แล้วก็ให้เรากอบดิน กดให้เป็นรูปเป็นร่าง ถ้าแห้งก็เอามือจุ่มน้ำช่วยค่ะ เสร็จแล้วก็มีลูกกลิ้งสำหรับกลิ้งลายให้สวยงาม จากนั้นก็ต้องตากแห้งอย่างน้อย 10 นาที ให้ดินเริ่มแข็ง จึงควรไปปั้นก่อนค่อยไปเที่ยวต่อ แล้วจึงกลับมารับก่อน 4 โมงเย็นค่ะ
ล้างมือเรียบร้อยออกจากโรงงานก็หิวกันอีกแล้ว มาติดตามทัวร์ตัวแตกกินแหลกไม่ยั้ง จนต้องเดินย่อยชมตลาด ต่อด้วยการปั่นจักรยานรอบเกาะในตอนถัดใปได้ที่นี่เลยค่ะ