การมีอีกชีวิตถือกำเนิดและค่อย ๆ เติบโตอยู่ข้างในตัวเรา คือ หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผู้หญิง วินาทีที่รู้ว่ากำลังจะมีสมาชิกใหม่มาเติมเต็มครอบครัว เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนต้องดีใจที่สุดในชีวิต ได้เวลาเตรียมตัวตั้งรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายว่าคุณแม่กันแล้ว ว่าแต่ท้องแล้วจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรมากกว่าพุงค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ที่นี่มี 17 ความเปลี่ยนแปลงขณะตั้งท้องที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาบอกค่ะ
หนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งท้อง คือ อาการเจ็บคัดเต้านม เกิดจากอะไร ? เกิดจากเต้านมของคุณแม่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับทารก ทั้งเพื่อผลิตน้ำนม ผลิตไขมันมากขึ้น ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย ปรกติแล้วสัญญาณเตือนความเปลี่ยนที่เกิดขึ้นก่อนคือ ปานนมของคุณแม่จะมีสีคล้ำขึ้น และหลังจากนั้นจะมีอาการเจ็บคัดเต้านมตามมา จงเตรียมตัวให้พร้อม
แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ อาการเจ็บคัดเต้านมที่เกิดขึ้นนี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบน้ำอุ่นหรือกินยาแก้ปวดได้
หลายคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายจะผลิตน้ำลายออกมากเกินความจำเป็น แต่ในความเป็นจริงที่หลายคนไม่รู้ คือ มีโอกาสที่ร่างกายของแม่ท้องจะผลิตน้ำลายออกมามากกว่าปรกติ นั่นก็เป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนั่นเอง ความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน คือ คำตอบของการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ ของร่างกายแม่ท้อง รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิม รวมไปถึงอาการคลื่นไส้ พะอืดพะอม ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อธิบายได้ว่า เพราะอะไรแม่ท้องจึงรู้สึกว่ามีน้ำลายเยอะขึ้น เพราะร่างกายกำลังบอกคุณว่ากำลังป่วยอยู่นะจ๊ะ นั่นเอง
แต่ข่าวดีคือ อาการน้ำลายมากช่วงตั้งท้อง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพียงแต่จะรู้สึกปากขม คอขมบ้างเล็กน้อยค่ะ
พูดง่าย ๆ คือแม่ท้องต้องเผชิญกับอาการท้องผูก เป็นอีกอาการน่ารำคาญที่แม่ท้องหลายคนต้องเจอ แต่การมีทารกในท้องเกี่ยวอะไรกับท้องผูกล่ะ ? นั่นก็เป็นเพราะช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายคุณแม่จะผลิตฮอร์โมน โปรเจสเตอร์โรน น้อยลง เพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย เมื่อความแข็งแรงของกล้ามอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายลดลง จึงไม่อาจขับถ่ายได้อย่างเป็นปรกติ เพื่อให้การขับถ่ายดีขึ้น คุณแม่ท้องที่มีปัญหาท้องผูกจึงควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และดื่มน้ำให้มากขึ้นก็ช่วยได้
บอกเลยว่าเป็นอาการของแม่ท้องที่ค่อยข้างทรมานทีเดียวค่ะ เป็นอาการน่ารำคาญที่แย่พอ ๆ กับอาการเจ็บปวดตามร่างกาย สาเหตุที่ทำให้แม่ท้องต้องเผชิญหน้ากับอาการผิวแห้งและคันนั่นก็เพราะ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและการยืดขยายของผิวหนัง โดยเฉพาะหน้าท้อง วิธีช่วยให้แม่ท้องรับมือกับอาการคันตามส่วนต่างของร่างกาย คือ พยายามรักษาความชุ่มชื้นในผิวไว้อย่างสม่ำเสมอ อย่าอาบน้ำอุ่น และหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีสารอันตรายและน้ำหอม หมั่นทาครีมบำรุงผิวสม่ำเสมอนะคะ
บอกเลยว่าโอกาสที่คุณแม่จะเป็นริดสีดวงทวารตอนท้องมี 50:50 อาการริดสีดวงทวาร คือ มีส่วนของลำไส้ใหญ่หลุดออกมาที่ทวารหนัก ขนาดเป็นติ่งประมาณลูกองุ่น ทำให้รู้สึกเจ็บ ความแย่ของริดสีดวงขณะตั้งท้องก็คือ เมื่อเป็นแล้ว มีโอกาสที่จะเป็นริดสีดวงถาวรเลยทีเดียว อาจมีบางช่วงที่ติ่งลำไส้จะหุบกลับเข้าไปข้างใน แต่วันดีคืนดี เจ้าติ่งก็จะหลุดออกมาข้างนอกได้อีกค่ะ
เมื่อตั้งท้องจะสังเกตเห็นว่าตกขาวที่ออกมาสีจะขุ่นขึ้น บางคนอาจมีตกขาวมากช่วงตั้งท้องอ่อน ๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ นั่นเป็นเพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีตกขาวมากขึ้น หากไม่มีอาการแสบคัน ตกขาวมีกลิ่มเหม็นเน่า หรือมีสีเขียวก็ไม่มีอะไรต้องกังวล พยายามรักษาความสะอาดและอย่าให้อับชื้นค่ะ
อาจทำให้เรอ หรือผายลมบ่อย ท้องอืดง่ายไม่ต้องตกใจนะคะ
อาการกรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์ เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนอีกเช่นกัน เพราะฮอร์โมนทำหน้าที่ผ่อนคลายมดลูกให้ขยายได้ เพื่อให้รองรับและรักษาทารกในครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มดลูกขยายตัวจึงเบียดกระเพาะอาการ ทำให้กรดต่าง ๆ เดินทางไหลย้อนขึ้นไปตามหลอดอาหาร เกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้ เมื่อเกิดอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากกรดไหลย้อน คุณแม่สามารถกินยาลดกรดไหลย้อนได้นะคะ ข่าวดีคือ การกรดไหลย้อนจะหายหลังคลอด ไม่เป็นตลอดไปค่ะ
กลุ่มอาการขาไม่อยู่สุขที่แม่ท้องต้องเจอ คือ รู้สึกเสียวขา แสบร้อน รู้สึกตึงปวดขา ทำให้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดอาการได้ทั้งที่ขาและแขน ว่ากันตามจริงแล้วยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไรกันแแน่ แต่วิธีรับมือกับอาการขาแขนไม่อยู่สุข รู้สึกเสียวแปลบ ๆ หรือปวดเมื่อย คุณแม่สามารถนวดผ่อนคลายได้ หรือแช่น้ำร้อนเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายก็บรรเทาอาการได้ หรือถ้านวดแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก คุณแม่จึงควรหันมากินอาหารที่มีธาตุเหล็กให้มากขึ้นด้วย
ยิ่งถ้าปรกติแล้วคุณแม่คงรู้สึกไวต่อกลิ่นต่าง ๆ รอบตัวแล้วด้วยล่ะก็ รับรองว่าช่วงท้องประสาทรับกลิ่นของคุณจะยิ่งไวขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ยิ่งได้กลิ่นยิ่งทำให้รู้สึกคลื่นไส้ง่ายขึ้น
แม่ท้องบางคนอาจประสบปัญหาผิวคล้ำขึ้น เพราะเมลามินในชั้นผิวมีจำนวนเพิ่มขึ้นขณะท้อง จึงทำให้ผิวหมอง หรือบางคนไม่ได้ผิวคล้ำลงทั้งตัว แต่อาจมีรอยดำเป็นจ้ำ ๆ ใต้ผิวได้ด้วย
การตั้งท้องไม่ได้ทำให้หน้าท้องคุณแม่ใหญ่ขึ้นเพียงอย่างเดียว บางคนไม่คุมอาหารก็ทำให้น้ำหนักขึ้นเยอะ สุดท้ายน้ำหนักจะตกอยู่กับแม่หลังคลอด รวมไปถึงอาการบวมที่ขา เนื่องจากร่างกายต้องเตรียมเก็บน้ำเพื่อเตรียมคลอด ทำให้น้ำไหลไปกองตามส่วนปลายอวัยวะส่วนล่าง คือ ที่เท้า แม่ท้องจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ อาการเท้าบวมตอนท้องไม่ถือว่าผิดปรกติ แต่หากคุณแม่ท่านใดมีอาการหน้าและมือบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือว่าไม่ปรกติ ควรรีบไปพบแพทย์
อีกหนึ่งความทรมานจากอาการไม่พึงประสงค์ขณะตั้งครรภ์ก็คือ ขาเป็นตะคริว มักเป็นช่วงกลางคืน บางทีอาจรู้สึกเหมือนนอนหลับได้ไม่นานก็ต้องตื่นขึ้นเพราะความทรมานจากตะคริวกินขา หลายคนอาจบอกว่าอาการตะคริวกินขา เกิดจากการบีบอัดของหลอดเลือดบริเวณขา แต่ในความเป็นจริงยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าอาการขาเป็นตะคริวตอนนอนของแม่ท้อง อาจสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ จึงทำให้เกิดการเป็นตะคริวที่เจ็บปวดทรมานค่อนข้างมาก ให้สามีนวด หรือแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายอาการปวดเกร็งได้
ความทุกข์ที่เกิดจากผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์จากการตั้งครรภ์ นอกจากอาจเป็นริดสีดวง ท้องผูก น้ำหนักตัวขึ้น ตัวใหญ่ไซส์ใกล้ ๆ นางยักษ์แล้ว บางคนยังต้องรับมือกับปัญหาสิวบุกอีกด้วย สาเหตุก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายนั่นเอง แต่คุณแม่ห้ามใช้ครีมรักษาสิวที่วางขายทั่ว ๆ ไป โดยเฉพาะครีมที่มีอนุพันธ์วิตามินเอ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น แม่ท้องจึงต้องรับมือกับปัญหาสิวด้วยความระมัดระวัง หันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือที่เหมาะกับแม่ท้อง หรือจะไม่ทาอะไรเลยก็ได้ ข่าวดีคือสิวทั้งหลายจะค่อย ๆ หายไปหลังคลอดค่ะ ขอแค่อย่าบีบก็พอแล้ว
เหงือกมีเลือดออกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยปรกติจะเกิดจากการดูแลช่องปากไม่ดี แต่สำหรับปัญหาเหงือกเลือดออกของแม่ท้องเกิดจากฮอร์โมน เป็นผลข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ที่เกิดได้เป็นประจำ ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่หากคุณแม่มีปัญหาเหงือกเลือดออกควรเลี่ยงการกินขนมหวาน แปรงฟันให้ถูกวิธี บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเสมอ ต้องใส่ดูแลช่องปากให้มากขึ้นกว่าเดิม
เพราะมดลูกอยู่ใกล้กระเพาะปัสสาวะ ยิ่งเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น มดลูกยิ่งเบียดกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น ทำให้คุณแม่ท้องปวดปัสสาวะบ่อย บางครั้งกลั้นไม่ได้ หรือทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ รวมไปถึงเวลาจามก็ทำให้ปัสสาวะเล็ดได้เช่นกัน
เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เยื่อบุในโพรงจมูกอ่อนไหวและบวมขึ้น จนหายใจลำบาก เกิดการแน่น คัดจมูก หรือในรายที่มีการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกมาก จะทำให้เลือดกำเดาไหลได้