หากใครเคยได้ยินคำว่า Subprime มา และเดือดร้อนกับคำๆนี้ ก็รู้ได้เลยทันทีว่า เป็นคนที่อยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเงินครั้งใหญ่ในโลก ซึ่งมีผลกระทบกับภาคธุรกิจในไทยด้วยในปี 2008 ที่ผ่านมา และคำว่า ซับไพร์ม มันก็คือ การปล่อยกู้ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ ให้กับผู้ขอกู้ที่มีเครดิตไม่ดี ในอดีต ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงชรูด เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีเครดิตดี ที่ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่ามาก ซึ่งในปัจจุบันการปล่อยเงินกู้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน ยังคงเป็นไปต่อเนื่อง แต่ด้วยมาตรการจากภาครัฐ ทำให้สามารถควบคุม หนี้เสียได้บางส่วน และการปล่อยกู้ให้กับผู้ที่มีประวัติไม่ดี มันก็คือ Subprime Loan หรือ ที่เรียกว่า Subprime Lending นั่นเอง
ความหมายของ subprime loan ก็คือ การปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจ หรือ บุคคล ที่ ไม่ได้มีคะแนนเครดิต หรือประวัติการชำระที่ดีแบบ 100% นั่นเอง ซึ่ง คำๆนี้ มาจาก คำเดิมคือ Subprime + คำว่า Lending คือกู้ยืม เข้าไป แต่ ถ้าสำหรับการปล่อยกู้ให้กับผู้ที่มีคะแนนเครดิตที่ดีนั้นจะใช้คำว่า "Prime Lending" หรือ "Prime Loan" รวมถึงกลุ่มบุคคลและบริษัทที่มีรายได้สูงนั่นเอง
และสำหรับ Subprime Lender โดยมากแล้ว จะเป็นกลุ่มคนหรือบริษัทที่มีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดหนี้เสียมากกว่า Prime Loaner ซึ่งจะทำให้มีการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าคนกลุ่ม Prime Lender เหตุมาจากในเรื่องที่ว่า ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้นค่ากู้ยืมจึงมีอัตราที่สูงกว่า ซึ่งโดยมากแล้วจะพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
1. คะแนนเครดิต (เช็คประวัติค้างชำระ)
2. การจ่ายคืนรายเดือน
3. ดอกเบี้ย สำหรับกลุ่ม Subprime
4. เอกสารในการกู้ยืม
5. ความเสี่ยง
1. สินเชื่อรถยนต์
2. บัตรเครดิต
3. สินเชื่อเพื่อการศึกษา
4. สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน