แต่พ่อแม่จะทำอย่างไรให้ลูกหันมาสนใจในการเล่นกีฬานั้น สิ่งสำคัญก็คือ การเลือกกีฬาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและความสนใจของลูก วันนี้แม่แหม่มมีตัวอย่างการเลือกกีฬาแต่ละชนิดที่เหมาะสมกับลูกมาฝากกันค่ะ
อาจจะชอบกีฬาที่มีความตื่นเต้น โลดโผน ได้วิ่ง ได้กระโดด ซึ่งกีฬาที่เหมาะสมก็คือ กีฬากลางแจ้งที่ช่วยส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ และให้ความตื่นเต้น ท้าทาย ยกตัวอย่างเช่น
ฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่เล่นได้ตั้งแต่เด็กเล็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งประโยชน์ของการเล่นกีฬาฟุตบอลก็คือ การได้ออกกำลังกล้ามเนื้อเกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อแขน การฝึกทักษะการทรงตัว การฝึกใช้ประสาทสัมผัสของร่างกายทุกส่วนให้สัมพันธ์กัน และที่สำคัญคือ การฝึกให้ลูกได้ทำงานร่วมกับผู้อื่นและรู้จักเคารพกฏกติกา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดเป็นทักษะความชำนาญเฉพาะตัวของลูกได้
เป็นกีฬาที่เด็กจะได้ออกแรงและได้ใช้พลังงานในการวิ่ง กระโดด ขว้างลูกบอล ซึ่งถือเป็นการได้ออกกำลังในทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เด็กคล่องแคล่ว ว่องไว เหมาะกับเด็กที่มีพลังงานสูง และมีความอดทน พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคิดว่ากีฬาประเภทนี้เหมาะกับเด็กที่ตัวสูง แต่ในความจริงแล้วเด็กที่ตัวเล็ก ถ้าได้รับการฝึกฝน ก็จะมีข้อดีตรงที่พวกเขาจะรวดเร็ว คล่องแคล่ว และสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า
สำหรับเด็กผู้หญิงนั้นความสนใจในการเล่นกีฬาอาจจะมีน้อยกว่าเด็กผู้ชาย เนื่องจากพื้นฐานความชอบของเด็กผู้หญิงนั้น จะชอบทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการคิดและการสร้างสรรค์มากกว่า ดังนั้นกีฬาที่เหมาะกับเด็กผู้หญิง จึงควรเป็นกีฬาที่ไม่โลดโผนหรือต้องใช้กำลังมากนัก เช่น
การว่ายน้ำนั้น ถือเป็นการได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย แต่การว่ายน้ำจะไม่ทำให้กล้ามเนื้อเหนื่อยล้า หรือกระทบกระเทือนมากนัก เพราะมีมวลของน้ำช่วยพยุงอยู่ ดังนั้นกีฬาว่ายน้ำ จึงเป็นกีฬาที่เล่นแล้วจะไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บมากเท่ากีฬาชนิดอื่น ๆ ที่สำคัญการว่ายน้ำยังช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของร่างกายให้มีความสมส่วนและสวยงามอีกด้วย
เพราะกีฬายิมนาสติกเป็นกีฬาที่มากกว่ากีฬา เป็นกีฬาที่ไม่ได้ใช้แต่ความเข้มแข็ง แต่ยังแฝงไปด้วยความอ่อนช้อยงดงาม ตามแบบฉบับของผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งลูกสาวน่าจะชอบ อีกทั้งยังเป็นกีฬาที่ได้ออกกำลังกล้ามเนื้อทุกส่วน ฝึกความยืดหยุ่น และที่สำคัญยังฝึกในเรื่องของความอดทนและปรับสภาพจิตใจของลูกให้มีความเข้มแข็งในการข้ามผ่านอุปสรรคในการฝึกต่าง ๆ อีกด้วย
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.