ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนี้ แสดงว่าคุณกำลังยึดความรู้สึกของตนเองมากกว่าคิดถึงความรู้สึกของลูก คุณกำลังยัดเยียด และเอากติกาของผู้ใหญ่มากำหนดชีวิตลูก จนมองข้ามธรรมชาติของลูกไป ถึงเวลาแล้วรึยังที่เราจะกลับเข้าไปนั่งในใจของลูก และทำความเข้าใจว่าลูกรู้สึกอย่างไร พ่อแม่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่จริง ๆ แล้ว การทำความเข้าใจลูกเป็นเรื่องที่ง่ายและไม่ซับซ้อนเลยค่ะ
เพราะวัยเด็กเป็นวัยแห่งความสดใส และไม่ซับซ้อน เด็กมักคิดและเลือกที่จะทำในสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุข ซึ่งบางครั้งอาจขัดใจหรือไม่ถูกใจพ่อแม่ไปบ้าง พ่อแม่ทำความเข้าใจและให้เหตุผลกับลูกว่าทำไมในเรื่องนี้ถึงไม่ควรทำ และเหตุผลที่ให้กับลูกก็ควรเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อน
เพราะวัยเด็กคือ วัยแห่งการเลียนแบบ ดังนั้นลูกจึงมักพยายามที่จะทำและเลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะพ่อแม่ จะเห็นได้ว่าการเล่นที่ลูกชื่นชอบก็คือ การเล่นบทบาทสมมุติ ดังนั้นในบางครั้ง ถ้าพ่อแม่กำลังทำงานแล้วลูกไปป้วนเปี้ยน หรือเล่นซนใกล้ ๆ นั่นเป็นเพราะเขาอยากช่วยเหลือพ่อแม่นั่นเอง พ่อแม่ควรให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์และช่วยส่งเสริมทักษะใหม่ ๆ ให้กับลูกอีกด้วย
ไม่มีใครที่ชอบการถูกบังคับ เด็กก็เช่นกัน เด็กทุกคนไม่ชอบการถูกกำหนดกฎเกณฑ์ที่มากเกินไป เพราะกฎเกณฑ์เหล่านี้จะไปบีบจินตนาการของเขา หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกเรียนรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ควรใช้วิธีเชิญชวน หรือใช้ภาษาเชิงบวก เพื่อให้ลูกรู้สึกดี และไม่ต่อต้าน พ่อแม่จงจำไว้ว่าการสร้างเงื่อนไขหรือข้อบังคับที่มากเกินไป คืออุปสรรคในการสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของลูก เด็กบางคนที่ในวัยเด็กถูกบังคับให้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่มากเกินไป อาจกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความเชื่อมั่น และขาดความภาคภูมิใจในตนเอง
เพราะ “กำลังใจ” มีพลังยิ่งใหญ่ต่อการเจริญเติบโตของมนุษย์ โดยเฉพาะการเจริญเติบโตทางใจ ดังนั้นพ่อแม่ควรให้กำลังใจลูกมากกว่าการจ้องจับผิด หรือกำหนดผิด – ถูกกับลูก การเลี้ยงดูควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อย่าให้ท่วงทำนองในวัยเด็กของลูกต้องเปลี่ยนไป การเลี้ยงดูที่สร้างความเข้มแข็งทางใจ และสร้างสัมพันธภาพที่ดี จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี และมีความสุข
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.