Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ทำความรู้จักกับ 3 รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว และวิธีรักษาแบบไร้ร่องรอย

Posted By Glimmergirl | 12 ต.ค. 61
3,554 Views

  Favorite

เป็นสิวว่าพังแล้ว แต่พอสิวหายก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้อี๊กกก หน้าเยินไม่จบไม่สิ้น ทำไงดี ?

 

ภาพ : PINTEREST

 

เมื่อเรื่องสิว ๆ ไม่จิ๋วอย่างที่คิดไว้ เพราะหลังจากค้นหาวิธีสารพัดมาจัดการให้สิวยุบ คิดว่าปัญหาจบใช่ไหมล่ะ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะหลังจากสิวหายก็ดั๊นทิ้งรอยแผลเป็นไว้เตือนใจให้คิดถึง ส่องกระจกทีปวดใจทุกที ! เอาล่ะค่ะสาว ๆ ก่อนอื่นที่เราจะลงมือกำจัดร่องรอยที่ระลึกของเจ้าสิวตัวร้าย ต้องมาทำความรู้จักกับศัตรูตัวใหม่ของเราเสียก่อนว่าเป็นแบบไหน จะได้รับมือเลือกวิธีการรักษาให้ผิวหน้าและผิวกายกลับมาสดใสไร้ราคีเหมือนเดิม ถ้าพร้อมแล้วจะรออะไร มาเริ่มทำความรู้จักเจ้าแผลเป็นที่เกิดจากสิวทั้ง 3 แบบกันเลย

 

1. Hypertrophic Scars

ภาพ : PINTEREST

 

หรือรอยแผลที่มีลักษณะเป็นตุ่มหรือก้อนเล็ก ๆ นูนขึ้นมาเหนือผิวหนังปรกติ สีเข้ม ขอบและขนาดของรอยแผลจะเท่ากับขนาดของสิวเดิมที่เป็น อาจมีอาการคันและระคายเคืองในช่วงแรก ปรกติจะเกิดจากสิวที่ขึ้นบริเวณหน้าอกหรือหลัง

การรักษารอยแผลประเภทนี้สาว ๆ ทำได้โดยใช้ครีมรักษารอยแผลเป็นที่มีส่วนผสมของวิตามิน E เพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังเร่งกระบวนการซ่อมแซมเซลล์บริเวณนั้น ๆ ให้เร็วขึ้น หรือเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังเพื่อฉีดยาในกลุ่มสเตียรอยด์อย่างคอร์ติโซน (Cortisone) ที่ออกฤทธิ์ลดขนาดรอยแผลเป็นที่นูนให้เล็กและอ่อนนุ่มลงได้ เพื่อให้การรักษาและควบคุมปริมาณอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะเท่านั้นนะคะ

 

2. Atrophic Scars

ภาพ : PINTEREST

 

คือรอยแผลเป็นที่เป็นรอยลึกลงในผิวหนัง หรือหลุมสิว มีสีใกล้เคียงกับสีผิวปรกติ มักเป็นรอยที่เกิดจากสิวหรือโรคอีสุกอีใส เกิดจากการที่คอลลาเจนถูกทำลาย ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณผิวหน้า

วิธีการักษาแผลเป็นประเภทนี้ที่เห็นผลเร็วและมีประสิทธภาพมากที่สุด คือ การทำเลเซอร์เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว แต่ราคาในการรักษาค่อนข้างสูง หากใครยังไม่พร้อม ก็สามารถเลือกครีมรักษารอยแผลเป็นที่มีส่วนผสมของสารในกลุ่มเรตินอยด์อย่าง เรติน-เอ ก็ช่วยได้ค่ะ แต่หากคุณกำลังตั้งครรภ์ ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวในกลุ่มเรตินอยด์ ควรขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาผิวกับแพทย์ผิวหนังโดยตรงเท่านั้น

 

3. Dark Spots

ภาพ : PINTEREST

 

หลังจากสิวหรือแผลหาย ร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังในส่วนที่เคยเกิดการอักเสบนั้น ๆ จึงทำให้การผลิตเมลานินมีมากกว่าปรกติ สีผิวบริเวณที่เคยเป็นสิวจึงมีสีเข้มขึ้นกว่าปรกติ กลายเป็นจุดด่างดำหรือจุดแดง

วิธีการรักษาแผลเป็นประเภทนี้ถือว่าทำได้ไม่ยาก เพียงใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารในกลุ่ม ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) และ AHA เพื่อช่วยยับยั้งการสร้างเมลานินในชั้นผิว ทำให้สีผิวจางลง จุดด่างดำ หรือรอยแดงจากสิวจะค่อย ๆ หายไป สีผิวจะกลับมาเรียบเนียนสม่ำเสมอดังเดิมค่ะ

 

รู้อย่างนี้แล้วรีบส่องกระจกแล้วเช็คดูเลยว่า ปัญหาแผลเป็นจากสิวที่เรามีอยู่นั้น เข้าข่ายประเภทไหนกันแน่ แล้วเริ่มต้นรักษาตามที่พี่กลิมฯ แนะนำได้เลย หรือหากสาวคนไหนอยากได้ความชัวร์ก็ตรงเข้าไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังจากสถาบันที่ได้มาตราฐาน เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพ และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดที่สุด เพื่อผิวหน้าที่กระจ่างใสไร้สิว ฝ้า และปลอดจุดด่างดำอย่างปลอดภัย สวยใสอย่างยั่งยืน

 

แหล่งข้อมูล
www.seventeen.com
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Glimmergirl
  • 5 Followers
  • Follow