Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เปลี่ยนคำพูดอย่างไร ให้ลูกฟังและทำตาม ใน 4 สถานการณ์ที่มักชวนทะเลาะ

Posted By ณัฏฐณี สุขปรีดี | 06 ก.ย. 61
6,461 Views

  Favorite

ปัญหาอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่เจอก็คือ เรื่องของการที่พูดอะไรแล้วเด็ก ๆ ไม่เชื่อฟัง ไม่ทำตาม แถมบางครั้งยังพากันต่อต้านจนกลายเป็นการทะเลากันใหญ่โต เมื่อเหตุการณ์เดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ พฤติกรรมนั้นก็อาจสะสมกลายเป็นนิสัยที่คุณพ่อคุณแม่กังวล นั่นคือกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ขี้โมโห และเอาแต่ใจตนเอง

 

แต่ปัญหาที่ว่ามานี้ ไม่ใช่สิ่งที่ป้องกันหรือแก้ไขไม่ได้นะคะ หากว่าเราเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง อย่างเช่น “วิธีการสื่อสาร” ของเราเอง ว่ามีผลต่อพฤติกรรมของลูกอย่างไร แล้วเปลี่ยนมาใช้คำพูดในแบบใหม่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวต่อต้านของลูก ๆ ลงไปได้มากทีเดียวเลยค่ะ ลองมาดูกันนะคะว่า สถานการณ์และคำพูดยอดฮิตแบบไหนกันบ้าง ที่ต้อง “ปรับ” และ “เปลี่ยน” กันค่ะ

 

วิธีการ

1. เมื่อลูกตีหรือทำร้ายผู้อื่น เรามักพูดว่า “ทำแบบนี้มันน่าตีมั้ยเนี่ย / โดนตีบ้างดีมั้ย”

คำพูดว่า จะลงโทษ เมื่อเด็กทำพฤติกรรมงอแง ต่อต้าน ยั่วโมโห เป็นคำพูดที่กระตุ้นความรู้สึกแย่ให้กับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ หรือความกลัว ซึ่งต่างก็ทำให้เด็กยิ่งงอแงหนักกว่าเดิม เนื่องจากไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับอารมณ์นั้นอย่างไร และรู้สึกว่า ตนเองไม่ได้รับความสนใจในสิ่งที่ตนต้องการ

ควรเปลี่ยนเป็น >>> พ่อ/แม่เข้าใจว่าหนูกำลังโมโห แต่เราไม่ตีคนอื่นแบบนี้นะลูก จากนั้นจึงดึงลูกออกจากสถานการณ์ เมื่อสงบลง จึงให้ลูกกลับไปขอโทษอีกครั้ง

 

2. เมื่อลูกงอแงหรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เรามักพูดว่า “ไปอยู่คนเดียวเลยไป”

การบอกให้เด็กไปอยู่คนเดียว หรือแสดงออกถึงการผลักไสไล่ส่ง ค่อนข้างเป็นความรู้สึกที่รุนแรงกับจิตใจของเด็กมาก ๆ เลยนะคะ เพราะแสดงถึงการไม่ยอมรับ ไม่ต้องการเขา เด็กบางครั้งจึงยิ่งทำพฤติกรรมต่อต้านและงอแงหนักขึ้น ในขณะที่บางคนอาจใช้การเพิกเฉย ไม่สนใจ ทำเป็นไม่แคร์ (ทั้งที่ในใจรู้สึกแย่มาก)

ควรเปลี่ยนเป็น >>> เรามาสงบสติอารมณ์ข้างนอก (หรือที่อื่นที่ไม่ใช่ที่ ๆ เกิดการปะทะอารมณ์) กับแม่/พ่อ ด้วยกันก่อนนะลูก

 

3. เมื่อลูกไม่ยอมทานข้าว เรามักพูดว่า “จะกินหรือไม่กิน / ถ้าไม่กินก็จะปล่อยให้หิวตายไปเลย”

หลาย ๆ ครั้งที่เด็กไม่ยอมทานอาหาร เป็นเพราะว่าเด็กไม่หิวจริง ๆ หรือบางครั้งอาหารที่รับประทานนั้นไม่ถูกปาก การให้ข้อเสนอที่เด็กเลือกไม่ได้ นอกจากจะไม่ทำให้เด็ก ๆ อยากทานอาหารมากขึ้นแล้ว ยังมักจะนำมาซึ่งการปะทะอารมณ์กันระหว่างคุณกับลูกอีกใช่มั้ยล่ะคะ

ควรเปลี่ยนเป็น >>> ไหนบอกซิลูก ว่าวันนี้หนูอยากทานอะไร / เรามาทำยังไงดี ให้อาหารจานนี้อร่อยขึ้น (การเพิ่มตัวเลือกหรือให้เด็กแสดงความคิดเห็น เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เด็กรู้สึกอยากทานอาหารและรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองมากขึ้นได้ค่ะ)

 

4. เมื่อลูกพูดหรือตะโกนเสียงดัง หรือวีนด้วยน้ำเสียงชวนปวดหัว เรามักพูดว่า “อย่ามาทำเสียงดังแบบนี้นะ / หยุดส่งเสียงดังเดี๋ยวนี้”

หลาย ๆ ครั้งเด็กมีอารมณ์โกรธ เสียใจ โมโห เศร้า มักส่งเสียงดังด้วยความไม่รู้ตัว เพราะนั่นเป็นวิธีการระบายหรือแก้ไขปัญหาของเขาอย่างหนึ่ง การที่คุณพ่อคุณแม่บอกให้เด็กหยุดส่งเสียงดัง จึงไม่ได้ช่วยให้เด็กสงบลง เพราะน้ำเสียงและคำพูดของเรา ยังคงกระตุ้นให้เด็กมีระดับอารมณ์ที่สูงอยู่

ควรเปลี่ยนเป็น >>> ใช้น้ำเสียงที่เบาลงกว่าปกติกับเด็ก เพื่อกระตุ้นความสนใจ และบอกให้ลูกเบาเสียงลงด้วยคำพูดเชิงบวกเช่น “พูดเบา ๆ นะคะ/ครับ หรือ ไหนบอกแม่ดี ๆ ช้า ๆ ซิลูก เสียงดังแบบนี้แม่ไม่เข้าใจค่ะ”

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับ 4 สถานการณ์ที่ครูพิมยกมาเป็นตัวอย่างนี้ หวังว่าจะสามารถช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ลดการปะทะกับลูก ๆ ลงได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วอย่าลืมนำไปปรับใช้กันให้เคยชินนะคะ แล้วจะพบว่า การปรับพฤติกรรมลูกด้วยคำพูดของเรานั้นไม่ยากและไม่ต้องลงทุนมากมายอะไรเลยจริง ๆ ค่ะ

 

 

ครูพิม ณัฏฐณี สุขปรีดี

นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กเล็กและการเลี้ยงลูกเชิงบวก

Facebook.com/PimAndChildren

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • ณัฏฐณี สุขปรีดี
  • 4 Followers
  • Follow