จังหวัดที่เราจะพาทุกคนไปสัมผัสเสน่ห์ของภาคเหนือในหน้าฝนครั้งนี้คือที่ จังหวัดเชียงราย อย่างที่เราทราบกันดีว่า เชียงราย เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อระหว่างไทย ลาว และพม่า หรือที่ได้รับการขนานนามว่า สามเหลี่ยมทองคำ ทำให้เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมหลากหลายชาติพันธุ์ ในรูปแบบล้านนา ไทใหญ่ ไทเขิน และไทลื้อจากสิบสองปันนามาผสมผสานกันอย่างลงตัวและถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของจังหวัดนี้เลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางมายังจังหวัดเชียงราย นอกจากรถยนต์ส่วนตัวแล้วก็สามารถเดินทางได้โดยรถทัวร์ รถไฟ และเครื่องบิน แต่สำหรับทริปนี้เราขอเลือกรถทัวร์ที่จะพาเราไปสร้างความทรงจำตั้งแต่ก้าวแรกจากกรุงเทพกันเลย โดยรอบที่เราออกเดินทางคือเวลา 19.50 น. และถึงจุดหมายปลายทางที่ บขส.เก่าเชียงรายเวลาประมาณ 7 โมงเช้า
การบริการของบริษัทสมบัติทัวร์ ชนะเลิศเลยค่ะ ภายในรถสะอาด บริการจากเจ้าหน้าที่ดี มีหน้าจอให้ดูหนัง ชาร์จแบตโทรศัพท์ และเบาะเสริมฟังก์ชั่นนวดหลังไปตลอดทาง การนั่งรถทัวร์ระยะทางไกลสำหรับเราจึงสะดวกสบายอย่างมากมายเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงบขส. เก่าเชียงราย สถานที่แรกที่เราจะไปคือ ดอยแม่สลอง การเดินทางก็ไม่ยุ่งยากเลยโดยจะต้องขึ้นรถเมล์สายเชียงราย - แม่สาย หรือสายเชียงราย - เชียงแสน ไปลงที่ตลาดแม่จัน ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางก็นั่งชิลชมวิวที่ชุ่มฉ่ำสองข้างทาง มีทุ่งนา หมอกที่ปกคลุมภูเขา แถมยังได้สัมผัสอากาศเย็นสบายหลังฝนตกอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่า มันชิลมาก (ก.ไก่ล้านตัว) และเมื่อมาถึงตลาดแม่จัน ก็มองหารถสองแถว สะกิ่วไต - แม่สลอง คันสีเขียวเข้ม ต่อขึ้นไปยังดอยกันเลยเจ้าาา
ในที่สุด เราก็มาถึงดอยแม่สลอง ได้บรรยากาศหลังฝนตกสายหมอกกำลังโผล่มาให้ชื่นชมพอดี ฟินนน ... ผู้คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะสื่อสารกันด้วยภาษาจีนฮ่อ และถึงแม้ว่าเราจะได้ผ่านการเรียนภาษาจีนมาสมัยประถมและม.ต้น แต่ก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องเลยจ้า (อยากกลับไปเรียนใหม่เลยทีเดียว) ผู้คนที่นี่ใจดีมาก ๆ มีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลาและคอยถามไถ่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยงต่างถิ่นแบบเราตลอดทาง
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าที่พักเพื่อไปเก็บสัมภาระและอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อน ซึ่งที่พักคืนแรกของเราคือ บ้านหอมหมื่นลี้ ดอยแม่สลอง เชียงราย Osmamthus ที่พักราคาหลักพันแต่วิวหลักล้าน ให้คะแนน 100 เต็ม 10 ไปเลยจ้าาา วิวดี บริการเยี่ยม อาหารอร่อย ในราคาเพียง 1,500 บาทต่อหนึ่งคืน โดยห้องพักสะอาดมาก มีการตกแต่งสไตล์จีนประยุกต์ ผสมผสานไอเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนเข้ากับวิถีชีวิตความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติของดอยแม่สลองอย่างลงตัว
หลังจากเก็บสัมภาระและอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันเรียบร้อย ท้องมันก็ร้องจ๊อก ๆ เราเดินออกมาจากที่พักท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเบา ๆ และด้วยอากาศเช่นนี้เราจึงเลือกรับประทานสุกี้ไต้หวันเป็นอาหารเพิ่มพลัง และขอบอกเลยว่าอร่อยมากต้องห้ามพลาด! เป็นสุกี้ไต้หวันน้ำซุปหม่าล่า กินแล้วลิ้นก็จะชา ๆ หน่อย แต่รับรองว่ารสชาติอร่อยมาก
ช่วงบ่ายเรามานั่งจิบน้ำชาที่ร้านกาแฟ Sweet Maesalong cafe ได้นั่งจิบน้ำชา กินขนม ดูวิวภูเขาท่ามกลางฝนตกโปรยปราย ชิลสุด ๆ ไปเลย
สำหรับอาหารเช้าของบ้านพักหอมหมื่นลี้ ดอยแม่สลอง เชียงราย เป็นบะหมี่ยูนนาน ปาท่องโก๋ ขนมปังปิ้ง น้ำเต้าหู้ ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ซึ่งกลิ่นหอมมาก ๆ นี่ถือเป็น signature ของที่นี่เลยก็ว่าได้ และได้นำไปตั้งเป็นชื่อของที่พักนั่นเอง
ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ เป็นบริการที่มีให้ในห้องพักแต่ละห้อง โดยเราสามารถต้มน้ำร้อนจากเครื่องต้มในห้องพัก แล้วนำชาใส่เหยือกกรองชาได้เอง นั่งจิบชาเบา ๆยามเช้าที่ระเบียงห้องได้บรรยากาศสุด ๆ ไปเลย
วันที่สอง หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เจ้าของที่พักก็ใจดีขับรถพาเรามาส่งจุดจอดรถสองแถว ระหว่างทางนั่งสองแถวลงมาจากดอย ป้าคนขับได้จอดแวะให้ไปเที่ยวที่สวนอโวคาโด ซึ่งป้าเจ้าของสวนเป็นคนภูเก็ตที่มาเที่ยวที่นี่เมื่อ10 ปีที่แล้ว และเกิดรักที่นี่จึงซื้อที่ดินแล้วทำสวนเป็นของตัวเอง
จากนั้น เราก็ได้เหมารถสองแถวคันที่นั่งลงจากดอยแม่สลอง ให้ป้าขับพาพวกเราไปสถานที่ยอดฮิตที่ถ้าไม่ไปเหมือนมาไม่ถึงจังหวัดเชียงราย นั่นก็คือ ไร่ชาฉุยฟง นั่นเอง ตอนที่เราไปอากาศค่อนข้างเย็นและชื้น เนื่องจากฝนตกโปรย ๆ อยู่ตลอด ทำให้แอบมีหมอกบาง ๆ โผล่มาทักทายพวกเราด้วย
หลังจากนั้นก็นั่งสองแถวเหมือนเดิมกลับมายังตัวเมืองเชียงราย ซึ่งจริง ๆ แล้วเราวางแพลนไว้ว่าจะขึ้นไปพักบนดอยผาตั้ง แต่เราเลยเวลาที่จะออกเดินทางไปและคิดว่าน่าจะไปดอยผาตั้งไม่ทันก่อนค่ำ (เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายจากการเดินทางขึ้นดอยในช่วงกลางคืน) เราจึงเปลี่ยนแพลนเที่ยวเล่นและพักในตัวเมืองแทน และที่พักของเราในคืนนี้คือ บ้านนอนเพลิน Baan Norn Plearn
บ้านนอนเพลิน เป็นบ้านพักราคาหลักร้อยแต่ความแฮปปี้หลักล้าน ภายในที่พักมีสวนและร้านกาแฟ โดยที่ตั้งของบ้านนอนเพลินในอดีตเคยเป็นโรงเรียนอนุบาลเก่ามาก่อน ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ห้องพักสะอาดน่ารักและบริการเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่ารถจักรยาน ฟรี! ไปปั่นเที่ยวเล่นในเมืองอีกด้วย
และไฮไลท์เด็ดอีกอย่างหนึ่งเมื่อมาถึงเชียงรายและต้องห้ามพลาดที่จะไปเยือน นั่นก็คือ วัดร่องขุ่น นั่นเอง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดเชียงรายประมาณ 13 กิโลเมตร โดยเราได้เหมารถสามล้อเวลาครึ่งวัน ในราคา 700 บาท เพื่อทัวร์วัดทั้งหมด 3 วัดด้วยกัน เริ่มต้นที่วัดร่องขุ่น
วัดต่อมาคือ วัดห้วยปลากั้ง เป็นอีกวัดหนึ่งของจังหวัดเชียงรายที่ตั้งอยู่บนเขา ซึ่งมีเนินเขารายล้อมวัดสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีเจดีย์สูง 9 ชั้น ทรงแหลม สถาปัตยกรรมแบบจีนผสมกับแบบล้านนา อีกทั้งยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้จันทร์หอมประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ด้วย
และวัดสุดท้ายของทริปนี้คือ วัดร่องเสือเต้น ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่พระอุโบสถใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ ใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทอง
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับเสน่ห์ของภาคเหนือในหน้าฝนที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศอากาศหนาวเย็นท่ามกลางฝนตกโปรยปรายแล้ว เรายังได้สัมผัสหมอกบาง ๆ บนดอยแม่สลอง ไปตะลุยไร่ชาฉุยฟง และยังได้ไปไหว้พระชื่นชมสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานวัฒนธรรมของหลายชาติพันธุ์ไว้อย่างลงตัวอีกด้วย หากผู้อ่านมีเวลาว่างช่วงวันหยุดยาว อย่าลืมคิดถึงจังหวัดเชียงรายในช่วงหน้าฝนนะคะ ^^