จังหวัดอิวาเตะ อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู) สามารถนั่งเครื่องบินจากโตเกียวมาลงที่จังหวัด อาคิตะ และต่อรถบัสอีก 2 ชั่วโมง รวมใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชั่วโมงจากบ้านเกิดเมืองนอน ซึ่งถึงแม้จะใช้เวลาเดินทางพอสมควร แต่มาดูรางวัลที่ได้จากการอดทนเดินทางกันค่ะ
เอาหละในที่สุดเราก็มาถึงจังหวัดอิวาเตะสักที เมืองที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและมีธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาอิวาเตะที่ได้รับขนานนามว่าเป็น ภูเขาไฟฟูจิลูกที่ 2 ขอบอกเลยว่าวิวดีสุด ๆ
กิจกรรมที่อยากแนะนำเมื่อมาถึงที่นี่คือ การเดินเข้าป่า! มา มา มีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ ... ผู้เขียนได้ไปเดินป่าที่ Koiwai farm หูยยยย ตื่นเต้นมาก ไม่เคยเดินป่าท่ามกลางหิมะมาก่อน ขอบอกว่าวิวดีมากเพราะมีภูเขาอิวาเตะเป็นฉากหลัง เราต้องใส่ snowshoes และมีไม้ค้ำด้วย เพราะหิมะหนามาก หนาขนาดไหนน่ะเหรอ เท่านี่!! (ยาวเท่าไม้ค้ำ) ถามว่ากลัวมั้ย ตอบเลยว่า มาก (กลัวเป็นภาระของคุณเจ้าหน้าที่เขาค่ะ) โดยเราเดินท่ามกลางหิมะขาวโพลน และแสงแดดแรง ๆ ที่แยงตาร่วม 30 นาทีด้วยความทุลักทุเล แต่โชคดีที่มีคุณเจ้าหน้าที่ 3 คน คอยดูแลเราตลอดการเดินทาง
เราเดินเข้าไปถึงป่าสน 100 ปี OMG!!! มัน!สวย! มาก! เหมือนในหนังเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์ สโนไวท์ หรือโฟรสเซ่นเลยทีเดียวเชียว เจ้าหน้าที่ชี้ให้ดูรอยเท้าสัตว์ แถมยังให้ทายอีกว่าเป็นสัตว์อะไร ให้เราลองสังเกตนู่นนี่นั่นตลอดทางก็เพลิน ๆ และได้ความรู้ใหม่กลับมาเพียบ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำเราไปพบกับ the most interesting activity ที่ต้องเดินป่าต่อเข้าไปอีก 10 นาที เพื่อพาเราไปเล่น snow boarding นั่นเอง เป็นกิจกรรมสุดฮิตที่ทุกคนต้องได้เล่นเมื่อมาสัมผัสอากาศหนาวและปกคลุมไปด้วยหิมะเช่นนี้ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกมากและผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากที่สุด
เล่นสโนว์บอร์ดดิ้งเหนื่อย ๆ เลยมาแวะเพิ่มพลังที่โ่ฮมบุญ จกเนื้อย่างเจงกิสข่าน ในกระท่อมอิกลู คูลสุด ๆ ไปเลย ซึ่งเนื้อย่างเจงกิสข่าน ก็คือการกินโคขุนโพนยางคำ แต่เปลี่ยนจากเนื้อวัวเป็น "เนื้อแกะ" นำมานาบกระทะให้พอสุก เสิร์ฟพร้อมเซ็ตผัก และเนื้อแกะส่วนต่าง ๆ ไส้กรอกบ้าง ชีสบ้าง แฮมบ้าง และไฮไลท์เด็ดก็คือ ซุปแกะ รสชาติเข้มข้นกลิ่นหอม เอาไว้ซดคลายความหนาว
เมื่อเข้าไปในอิกลูหรือโดมน้ำแข็ง ให้ทำตัวเหมือนลอดท้องช้าง (สายย่อก็มา) ภายในจะมีโต๊ะญี่ปุ่นที่มีผ้าคลุมไว้สำหรับให้เราเอาแขนขาเข้าไปซุกคลายหนาวได้ นับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์การกินข้าวในโดมน้ำแข็งได้อย่างสนุกสนาน ให้คะแนนเรื่องรสชาติและบรรยากาศไปเลย 10 10 10!
กิจกรรมแนะนำอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทุกคนต้องห้ามพลาดคือการขี่ม้ายิงธนูจาก YuYu farm ขี่ม้าอย่างเดียวว่าตื่นเต้นแล้ว นี่ต้องมายิงธนูอีกยิ่งตืื่นเต้นเข้าไปอีกค่ะ และแน่นอนค่ะเมื่อมาญี่ปุ่น เราจะพลาดการแช่ออนเซ็นไปได้อย่างไร ที่โรงแรมของเรามี “โรงอาบน้ำรวม” ใช่ค่ะ เราต้องเปลือยกายต่อหน้าธารกำนัลที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะที่ญี่ปุ่นการอาบน้ำรวมถือเป็นเรื่องปกติมาก ไม่ต้องเขินกันนะคะ และไฮไลท์คือมีบ่อน้ำร้อนท่ามกลางหิมะ บรรยากาศดีสุด ๆ ไปเลย เสียดายที่ไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้าไป เลยหยุดไว้แค่ที่หน้าประตู หลังจากนี้คุณผู้อ่านต้องจินตนาการเอาเองแล้วนะคะ
ก่อนจะลงแช่บ่อน้ำร้อน เราต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดหมดจดก่อน เอ้า! ขัด ๆ ถู ๆ กันเข้าไป เสร็จแล้วต้องรวบผมให้เรียบร้อยอย่าให้เส้นผมจุ่มลงบ่อน้ำ พร้อมแล้วก้าวขาลงไปค่ะ ความรู้สึกแรกคือ ร้อนมาก (ก.ไก่ล้านตัว) อย่างกับตกนรก แต่แช่ไปสักพัก ร่างกายเราก็จะปรับตัวได้ อ่าห์ห์ห์ห์ห์ห์ มันสบายมาก เราสามารถลืมเรื่องราวทุกสิ่ง ความเหนื่อยล้า ปล่อยใจไปกับการแช่น้ำ มันช่างดีต่อใจเหลือเกิน ขึ้นมาจากน้ำแล้วผิวเนียนเด้งกันเลยทีเดียว นี่คงเป็นเคล็ดลับความงามของสาวญี่ปุ่นด้วยรึป่าวนะ?
และสิ่งที่ชอบที่สุดของทริปนี้ ต้องยกให้ อาหารค่ะ! ดีงามทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อนี้ ที่เราเรียกว่า “ไคเซกิ” ซึ่งหมายถึง ชุดอาหารแบบหรูหราที่ชีวิตนี้คงมีบุญได้กินแค่ครั้งเดียว จัดมาสวยซะจนไม่กล้ากินเลยจ้าแม่จ๋า โดยที่จริงแล้วไคเซกิ คืออาหารที่เสิร์ฟเป็นคอร์ส ๆ วัตถุดิบแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ส่วนใหญ่จะมีซาชิมิ นาเบะ และซุป เป็นหลักอยู่แล้ว สำหรับเซทนี้เป็นเซทเริ่มต้น (มีซาชิมิและกล่องไม้ถัดไปข้างในคือนาเบะเนื้อปู บวกกับปลาที่หว่านแหได้จากน่านน้ำญี่ปุ่น) แล้วจะตามด้วยอาหารยิบย่อยทยอยตามมาอีกมากมาย