ลูกจะต้องรับมือกับสภาพครอบครัวที่เปลี่ยนไป สภาพอารมณ์ที่หวั่นไหวในวันที่ไม่มีพ่อและแม่อยู่ด้วยเหมือนเดิม ดังนั้นพ่อแม่ต้องมีความเข้าใจและช่วยกันประคับประคองจิตใจลูกให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ให้เร็วที่สุด วันนี้แม่แหม่มมีวิธีดี ๆ ในการรับมือกับสถานการณ์นี้มาฝากกันค่ะ
ไม่ว่าสถานภาพชีวิตคู่จะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่คุณทั้งคู่จงจำไว้ว่าคุณคือ “พ่อและแม่” ของเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง พ่อและแม่จะต้องพยายามประคองอารมณ์ของตนเองเมื่ออยู่กับลูก ถึงแม้ไม่มีความรักเหลือต่อกันแล้ว แต่จงแสดงความเอื้ออาทรและหวังดีต่อกัน เพราะลูกจะรับรู้และสัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้น
เมื่อลูกได้รับรู้ถึงความรักและความอบอุ่นอย่างเต็มที่แล้ว เขาจะไม่รู้สึกว่ามีคนใดคนหนึ่งกำลังหายไปจาก หรือมีปัญหากำลังเกิดขึ้น เพราะพ่อและแม่ได้ช่วยกันเติมความรักให้เต็มดวงใจน้อย ๆ ของลูกแล้ว ลูกจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นด้วยสภาพจิตใจที่เข้มแข็งและมั่นคง ซึ่งเมื่อถึงเวลาลูกจะค่อย ๆ ทำความเข้าใจ และรับรู้ได้ถึงเหตุผลของพ่อและแม่
เมื่อพ่อแม่แยกทางกัน คงหลีกเลี่ยงใม่ได้ที่ลูกมักจะถูกมองว่าเป็นเด็กบ้านแตก น่าสงสาร พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย อาจจะพากันทุ่มเทให้ความรักกันอย่างเต็มที่ เพื่อชดเชยและคิดว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจของลูกได้ แต่จริง ๆ แล้ววิธีนี้เป็นวิธีการที่ผิดและไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ในทางกลับกันอาจจะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาเพิ่มขึ้น เด็กบางคนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ และเรียกร้องความสนใจตลอดเวลา เพราะคิดว่าตัวเองคือ "ศูนย์กลาง" ที่ใคร ๆ ก็ต้องยอม
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือ อย่าให้ในสิ่งที่ลูกไม่ได้รู้สึก “ขาด” เพราะมันจะกลายเป็น “ล้น” จนลูกไม่รู้จักความพอดี สิ่งที่พ่อแม่ควรทำก็คือ การให้ความรักความอบอุ่นเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าลูกจะอยู่กับใครก็ตาม แรก ๆ ลูกอาจจะมีปฏิกิริยาแปลก ๆ หรือแสดงความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ถ้าพ่อแม่เข้าใจ นิ่ง และปฏิบัติต่อเขาเหมือนเดิม ลูกก็จะค่อย ๆ เข้าใจและรู้ได้ว่าเขายังคงเป็นที่รักของพ่อและแม่ไม่เคยเปลี่ยน
สร้างกฎระเบียบที่ตกลงร่วมกัน พ่อแม่อย่าทำให้ลูกรู้สึกว่าเมื่อไปอยู่ที่บ้านไหนแล้วถูกตามใจมากกว่า หรือบ้านไหนให้อภิสิทธิเขามากกว่า เพราะจะส่งผลเสียโดยตรงให้กับลูก เมื่อก่อนเคยมีกฎอย่างไร พ่อและแม่ก็ควรทำความเข้าใจร่วมกันและยึดกฎนั้นเหมือนเดิม และที่สำคัญควรเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตนเอง เช่น พ่อไปโรงเรียนลูกในวันพ่อ และยังได้ใช้เวลาร่วมกันกับลูกอย่างสม่ำเสมอ ไม่พูดถึงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในเรื่องที่ไม่ดีให้ลูกฟัง เพราะเหตุผลหลักของการเลิกกัน คือเหตุผลของผู้ใหญ่ จงจำไว้ว่า “อย่าสร้างปัญหาที่มีเพิ่มขึ้นในใจลูก แต่จงเติมเต็มจิตใจลูก ด้วยความรักและความเข้าใจ”
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.