อีโคไล (E. Coli) หรือ Escherichia Coli เป็นแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของคนและสัตว์ มีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งที่มีประโยชน์ เช่น ช่วยสร้างวิตามินเค วิตามินบี 6 ป้องกันลำไส้จากแบคทีเรียตัวอื่น ๆ เป็นต้น และที่ก่อให้เกิดโทษ เช่น เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ อุจจาระร่วง เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น ซึ่งเชื้ออีโคไลที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังเป็นพิเศษ คือเชื้อที่ก่อให้เกิดโทษนี้เอง
ส่วนใหญ่อีโคไลชนิดนี้เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วง และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ อีโคไลชนิดนี้มีอยู่ทั่วไป และแพร่เข้าสู่คนได้จากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. การกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ไม่สะอาด หรือเก็บรักษาไม่เหมาะสม
2. ดื่มน้ำที่มีเชื้ออีโคไลปะปนอยู่
3. นำนิ้วมือที่สัมผัสสิ่งของติดเชื้อเข้าปาก
4. สัมผัสสัตว์หรือมูลสัตว์ที่มีเชื้อปะปน โดยเฉพาะวัว แพะ และแกะ
5. ว่ายน้ำในสระหรือแหล่งน้ำที่มีเชื้อปะปน
ตามรายงานการวิจัยพบว่า เมื่อเชื้ออีโคไลชนิดก่อโรคเข้าสู่ร่างกายแล้ว อาจส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยของระบบหายใจ และเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้อีกด้วย
สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ อีโคไลใช้เวลาฟักตัวประมาณ 3-4 วัน ส่วนผู้ใหญ่แข็งแรงจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 3-8 วัน หลังจากนั้นอีก 3-4 วันจะเริ่มปรากฏอาการ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที อาจทำให้ลูกน้อยเกิดภาวะแทรกซ้อน จนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
1. ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องอืด
2. มีเลือดหรือมูกเลือดปะปนมาในอุจจาระ
3. คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
4. มีไข้
5. ตัวซีด อ่อนเพลีย
เมื่อสังเกตเห็นว่าลูกน้อยหรือบุคคลใกล้ชิดมีอาการท้องเสียท้องร่วงมากกว่า 3 วัน ควรรีบพาไปพบแพทย์ วิธีการรักษาจะเป็นไปตามอาการ และคุณพ่อคุณแม่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาแก้ปวดกลุ่มสเตอรอยด์และกลุ่มแอสไพริน เพราะอาจทำให้ลูกน้อยมีอาการหนักขึ้น และส่งผลให้ไตทำงานหนักมากเกินไป
ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ เนื่องจากเชื้ออีโคไล กำจัดได้ด้วยความร้อน จึงควรการกินอาหารร้อน ๆ ที่เพิ่งปรุงสุกทุกมื้อ และควรเตรียมอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้ช้อนกลางเสมอ และควรล้างมือก่อนการกินข้าวทุกครั้ง
ผู้ที่ดูแลรักษาสุขภาพอยู่เสมอ และดื่มน้ำในปริมาณมาก จะช่วยให้หายจากการติดเชื้ออีโคไลไวขึ้น เนื่องจากเชื้อนี้ทำให้ท้องร่วง ร่างกายจึงสูญเสียน้ำง่ายขึ้น หากดื่มน้ำเข้าไปชดเชย ก็จะช่วยให้ร่างกายต้านทานอีโคไลได้ดีขึ้น
การต้องคลุกคลีกับผู้ติดเชื้อ อาจส่งผลให้ได้รับเชื้ออีโคไลได้ง่าย ดังนั้นควรป้องกันลูกน้อยให้ห่างจากผู้ติดเชื้อจะดีที่สุด ในทางกลับกัน หากลูกน้อยได้รับเชื้ออีโคไล ควรให้ลูกพักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ