ลาแล้วตลอดกาล สำหรับโรงภาพยนตร์ “ลิโด้” ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 5 ทศวรรษ เหลือไว้เพียงแต่ความทรงจำและตำนานที่น่าจดจำตลอดกาล เมื่อสิ้นสุดการฉายภาพยนตร์ 2 เรื่อง ที่ทางโรงหนังได้เตรียมฉายไว้ คือ “Tonight at Romance Theater” รอบเวลา 18:45 น. และ “Kids on The Slope” รอบเวลา 20:45 น. โดย 2 ภาพยนตร์ที่จะฉายปิดท้าย ถูกตีตั๋วจองล่วงหน้านานกว่า 1 สัปดาห์
โรงภาพยนตร์ลิโด้ ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์ เปิดฉายครั้งแรก 27 มิถุนายน 2511 เป็นโรงภาพยนตร์ที่มีความจุทั้งหมด 1,000 ที่นั่ง โดยเสนอภาพยนตร์เรื่อง ศึกเซบาสเตียน (Guns For San Sebastian) เป็นเรื่องแรก และได้ปิดตัวลงในวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 นับรวมเป็นเวลากว่า 50 ปีที่ก่อตั้ง ก่อนจะส่งคืนให้กับ CU Property ในเดือนกรกฎาคม 2561 หลังหมดสัญญาเช่าพื้นที่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลิโด้ได้ถือกำเนิดมาจาก “พิสิฐ ตันสัจจา” นักธุรกิจผู้ก่อตั้งเครือเอเพ็กซ์ และสยามมหรสพ เคยพลิกโรงละครศาลาเฉลิมไทยให้เป็นโรงภาพยนตร์จนประสบความสำเร็จและเตะตา “กอบชัย ซอโสตถิกุล” เจ้าของอาณาจักรซีคอนสแควร์ นันยาง และผงชูรสตราชฎา เลยชักชวนให้ไปบุกเบิกพัฒนาพื้นที่สยามสแควร์ บนถนนพระรามที่ 1 ด้วยกัน ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“พิสิฐ” เริ่มต้นสร้างโรงภาพยนตร์สยามขึ้นมาตอบโจทย์คอหนังเป็นแห่งแรก ด้วยความจุ 800 ที่นั่ง เปิดให้บริการเมื่อปี 2509
ต่อมาปี 2511 จึงสร้างและเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ลิโด้ ความจุ 1,000 ที่นั่ง ตามด้วยปี 2512 ผุดโรงภาพยนตร์สกาลา ความจุ 1,000 ที่นั่ง ทั้ง 3 กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของย่านการค้า “สยามสแควร์” ไปโดยปริยาย กระทั่ง 16 มีนาคม พ.ศ.2536 โรงภาพยนตร์ ลิโด้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงต้องทำการปรับปรุงใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก หรือ มัลติเพล็กซ์ จำนวน 3 โรง
เมื่อย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ลิโด้ มีจุดเด่นที่ใครเห็นก็ประทับใจมากที่สุด คือ บรุษพนักงานขายตั๋วจะสวมชุดสูทสีเหลืองสดใส พร้อมให้บริการทุกคนที่มาชมหนังด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
ด้วยภาวะของเศรษฐกิจไทยที่หมุนไปตามยุคสมัย ทำให้ลิโด้ต้องต่อสู้และแบกค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในปีต่อปี จนถึงคราวที่ต้องปิดตัวลงและยุติบทบาทนี้ไปอย่างเป็นทางการ...