เมื่อนำลูกบอลผูกด้วยเชือกห้อยลงมาจากเพดานรถแล้วออกรถด้วยความเร่ง นอกจากตัวผู้นั่งในรถจะเซไปด้านหลัง ลูกบอลที่ห้อยอยู่ในแนวดิ่งจะเอียงไปจากแนวดิ่งไปทางด้านหลังรถเช่นกัน ดังรูป
โดยทั่วไปจะได้ยินเหตุผลของการเซไปด้านหลังรถของผู้นั่งในรถขณะที่รถออกตัวไปข้างหน้าด้วยความเร่งว่าเพราะความเฉื่อย เหตุผลนี่จริงบางส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ในความจริงปริมาณทางฟิสิกส์ที่บ่งถึงความเฉื่อยต่อการเคลื่อนที่คือมวล (mass: m) เป็นปริมาณสเกลาร์ (Scalar) คือไม่มีทิศทางมีแต่ขนาดมีหน่วยเป็นกิโลกรัม (Kg) ดังนั้น ไม่ว่ารถจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง ความหน่วงหรือความเร็วคงที่ มวลของคนนั่งยังคงเท่าเดิมจึงมี “ความเฉื่อย” เท่าเดิม แต่เหตุใดคนนั่งจึงหัวเซเฉพาะตอนที่รถเคลื่อนที่ด้วยความเร่งหรือความหน่วงเท่านั้น สาเหตุหลักคือ คนนั่งบนเบาะมีแรงเสียดทานที่เบาะกระทำต่อก้นคนนั่งทันทีที่รถเคลื่อนออกด้านล่างจึงเคลื่อนออกไปทันที แล้วแรงดึงจากด้านล่างกระทำผ่านแนวลำตัว ทำให้คนทั้งตัวเคลื่อนที่ไปกับรถด้วยความเร่ง หลักการนี้ชัดขึ้นเมื่อเราพิจารณาจากลูกตุ้มหรือลูกบอลที่ห้อยลงมาจากเพดานรถ ดังรูป
แต่เมื่อรถเคลื่อนที่ด้วยความเร่งไปทางขวาลูกบอลจะเอียงไปทางหลังรถหรือไปทางซ้าย ดังรูป
การเอียงของลูกบอลจากแนวดิ่งเป็นมุม θ ใด ๆ นั้นเป็นเครื่องมือบอกค่าความเร่งของรถได้ มันช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก
จากรูปเมื่อรถเคลื่อนที่ไปทางขวาด้วยความเร่ง a ปลายเชือกที่ตรึงหลังคารถที่จุด A จะเคลื่อนที่ไปกับรถทันที แต่ปลายเชือกที่มีลูกบอลมวล m แขวนอยู่จะเคลื่อนที่ไปได้ต้องมีแรงมากระทำ จึงต้องเอียงเพื่อทำให้เกิดแรงตึงในเส้นเชือก ขณะที่เชือกเอียงทำมุม θ กับแนวดิ่ง แรงตึงในเส้นเชือกมีทิศออกจากมวล m ไปตามเส้นเชือกเข้าหาจุด A ที่เป็นจุดแขวน เมื่อแยกแรงหาองค์ประกอบแนวราบกับแนวดิ่งจะได้ว่า
ลูกบอลสมดุลในแนวแกน Y เมื่อ θ คงตัว จากกฎการเคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตันจะได้
Tsinθ จะเป็นแรงที่ลูกบอลมวล m มีความเร่ง a ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 2 ของนิวตัน
จากสมการ (3) ; a คือความเร่งของระบบทั้งรถและลูกบอล ถ้าวัดมุม θ ได้ก็บอกค่าความเร่งของรถได้ เช่น
เมื่อ θ = 30 ํ จะได้ a = 9.81 tan30 ํ = 5.66 m/s2
เมื่อ θ = 45 ํ จะได้ a = 9.81 tan45 ํ = 9.81 m/s2 = g นั่นเอง
เมื่อ θ = 60 ํ จะได้ a = 9.81 tan60 ํ = 16.99 m/s2
ลูกบอลหรือตุ๊กตาที่ห้อยอยู่หน้ารถจึงเป็นเครื่องมือบอกความเร่งได้ตามสมการที่ (3)