มะเร็งปากมดลูกอาจเกิดจากเซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำ สูบบุหรี่ แต่สาเหตุหลักๆ คือเกิดจากไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) ช่องทางติดต่อของโรคคือทางเพศสัมพันธ์ ผู้มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้มีบุตรมากกว่า 3 คน ผู้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง ผู้หญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย รวมไปถึงผู้มีพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงพอจะต้านทานโรค เช่น รับประทานผักน้อยเกินไป สูบบุหรี่ เป็นต้น
มะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น เมื่อเป็นแล้วมักไม่มีอาการบอก การแสดงอาการนั้นมักหมายถึงได้เข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว เช่น มีเลือด ของเหลวอื่นๆ หรือเศษเนื้อปนออกทางช่องคลอด ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดถ่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัด ถ่ายอุจจาระลำบาก หากมะเร็งลุกลามไปถึงกระเพาะปัสสาวะและลำไส้จะทำให้มีอาการถ่ายเป็นเลือดได้ และหากลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองจะทำให้ขาบวม
มะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาหายได้หากพบตั้งแต่เนิ่นๆ แต่อย่างที่บอกว่าไม่มีอาการบอกให้รู้ ดังนั้นจะทราบได้ก็ต่อเมื่อไปตรวจคัดกรอง เรียกว่าการตรวจแปบสเมียร์ โดยผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วควรตรวจแปบสเมียร์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 21 ปี
ตามโรงพยาบาลมักมีแพคเกจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก + หาเชื้อไวรัส HPV อยู่ ราคาประมาณ 2,000-3,500 บาท
อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ซึ่งสามารถป้องกันโรคนี้ได้ 70%
วัคซีนป้องกันไวรัส HPV มี 2 ชนิด ได้แก่ HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ กับ HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ช่วงอายุที่ฉีดวัคซีนนี้แล้วจะได้ประโยชน์สูงสุดคือ 9-26 ปี ฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ควรฉีดจนครบ 3 เข็ม เข็มแรกเมื่ออายุ 9-26 ปี เข็มที่ 2 ฉีดห่างหากเข็มแรก 1-2 เดือน และเข็มสุดท้ายห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
ราคาวัคซีนขึ้นอยู่กับช่วงวัยของผู้รับวัคซีน และชนิดของวัคซีน สำหรับเด็กอายุ 9-14 ปี ราคาอยู่ที่ประมาณ 4,000-7,000 บาท ของผู้ใหญ่ราคาอยู่ที่ประมาณ 6,000-8,500 บาท