หลังจากดูจบไปถึง 2 ซีซั่น มีความเห็นว่า ‘Terrace House Aloha State’ เป็นเรียลลิตี้ที่ไม่ได้เป็นแค่รายการดูเพื่อฆ่าเวลา แต่ยังทำให้คนดูอย่างเราได้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของคนแปลกหน้า ที่ย่อมมีความสัมพันธ์หลายรูปแบบ ทั้ง เพื่อนต่างเพศ เพื่อนเพศเดียวกัน ความสัมพันธ์แบบพี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว พี่ชายน้องสาว หรือความสัมพันธ์แบบคนรัก เพราะจุดมุ่งหมายของหลาย ๆ คนที่มาสมัครรายการนี้ก็เพื่อค้นหาใครสักคนที่อาจจะตรงสเป๊กและได้คบหาในแต่ละวัน
ซึ่งทางรายการไม่ได้มีกฎตายตัวว่าทุกคนจะต้องอยู่ที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง เพราะทุกคนสามารถออกไปทำงานหรือไปเรียนได้ (บางคนก็มีช่วงที่ต้องบินกลับประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำงาน) นั่นยิ่งทำให้เราได้เรียนรู้ถึงชีวิตของผู้ร่วมรายการที่หลากหลาย หลายคนมีความฝันและมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นจริง เช่น อยากเป็นนักวาดรูป ก็มานั่งสาดรูปให้เห็นในบ้านตลอดจนสามารถมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะของตนเองได้
แต่เสน่ห์ของ ‘Terrace House Aloha State’ ยังไม่ใช่แค่การนั่งดูชีวิตของหนุ่มสาว 6 คนเท่านั้น เพราะจะมีพิธีกรอีก 5 คนที่คอยตามดูชีวิตพวกเค้า แล้วมานั่งวิเคราะห์การกระทำ สีหน้าที่แต่ละคนแสดงออก ซึ่งตรงนี้จะทำให้คนดูได้คิดตามไปด้วยว่า การปฏิบัติตัวแบบนี้ต่อคนนี้ อาจส่งผลให้อีกฝ่ายรู้สึกดีหรือไม่ดี อย่างเช่น มีตอนหนึ่งที่ผู้ร่วมรายการผู้ชายไม่อยากให้ผู้ร่วมรายการผู้หญิงคนหนึ่งไปโต้คลื่นด้วย แต่ปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงไปบอกกับอีกคนให้ชวนเธอไปเที่ยว แต่ก็ถูกปฏิเสธ นั่นทำให้สถานการณ์ภายในบ้านอึมครึม จนฝ่ายหญิงต้องมากระตุ้นให้ฝ่ายชายไปกล่าวขอโทษ ซึ่งคนดูจะได้คิดตามว่าหากเป็นเราจะทำเช่นไร สถานการณ์นี้ควรพูดไปตรง ๆ หรือเปิดใจรับให้อีกฝ่ายมาร่วมกิจกรรมกับเราได้ หรือการชวนไปเดตของหนุ่มสาว ที่มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่ก็เป็นรสชาติของชีวิต รวมทั้งสาว ๆ อย่างเรายังจะได้รู้อีกว่า พวกผู้ชายเวลาอยู่ด้วยกัน เค้าจะพูดถึงผู้หญิงอย่างไรบ้าง