Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

กาแฟ VS ชา อยากผอมต้องเลือกดื่มอะไร

Posted By Glimmergirl | 24 พ.ย. 60
13,258 Views

  Favorite

เครื่องดื่มยอดนิยมที่อยู่ในใจของสาวหลาย ๆ คน คงต้องยกให้กาแฟ และชานี่แหละ กลิ่นหอมยั่วยวนของกาแฟยามเช้า ช่วยปลุกความเฟรชให้ใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยนั่งชิลจิบชายามบ่าย ก็ช่วยให้ผ่อนคลายความอ่อนล้าพร้อมลุยงานต่อจนถึงเย็น

 

เอ้า แต่ก็เคยได้ยินผ่านหู อ่านมาผ่านตามาบ้างว่าเครื่องดื่มแก้วโปรดทั้งชาและกาแฟ นอกจากช่วยเติมพลังให้เราสดชื่นตื่นเต็มตาแล้ว ยังช่วยลดความอ้วนได้ด้วย ! จริงไหมนะ ? แล้วดื่มอะไรช่วยให้ผอมเร็วกว่ากัน ? ต้องดื่มในปริมาณเท่าไรต่อวัน ? ที่นี่มีคำตอบค่ะ

 

ดื่มชา กาแฟทำไมถึงผอมได้ ?

ภาพ : Pixabay

 

เพราะทั้งชา และกาแฟมีคาเฟอีนซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายได้ แต่ชากาแฟที่เหมาะกับการควบคุมน้ำหนักควรเป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ไม่เติมครีมเทียม และต้องเป็นชา กาแฟร้อนชงกันใหม่ ๆ ควันกรุ่น ไม่ใช่ชาที่จับใส่ขวดเติมน้ำตาลแช่เย็นที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ชา กาแฟช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ แต่น้ำตาลคือตัวการของความอ้วน แค่เริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการหันมาดื่มชา กาแฟเพียว ๆ โดยไม่เติมน้ำตาลและครีมเทียมแค่นี้ก็ผอมได้แล้วค่ะ อ้อ อนุโลมให้เติมนมพร่องหรือไร้ไขมันได้นะคะ เพราะแม้ว่าคุณจะอยากกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปมากขนาดไหน แต่ร่างกายก็ยังคงต้องการไขมันดีจากการกินที่มีคุณภาพและจำกัดปริมาณไขมันให้อยู่ในเกณฑ์พอดี เพื่อทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักและดูแลรูปร่างในระยะยาว

 

หรือถ้าอยากผอมควรดื่มกาแฟมาก ๆ ?

ภาพ : Pixabay

 

คำตอบคือ ไม่ใช่ ค่ะ ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยพบว่า แม้ในกาแฟจะมีสารคาเฟอีนอยู่จริง และคาเฟอีนปริมาณ 100 มิลลิกรัมจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายได้จริง แต่ได้ในปริมาณที่น้อยมาก ไม่เพียงพอที่จะส่งผลให้สาว ๆ ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำเพียงอย่างเดียวผอมเพรียวได้ สำหรับใครที่กำลังคิดว่า "งั้นก็แก้ปัญหาด้วยการดื่มกาแฟเยอะสิ จะได้เผาผลาญได้มากขึ้น" ข่าวร้ายค่ะ เพราะงานวิจัยใหม่ ๆ ออกมายืนยันแล้วว่า การดื่มกาแฟมากเกินไปมีผลเสียต่อร่างกาย เพราะคาแฟอีนจะขับแคลเซียมออกไปจากร่างกาย ทาง FDA หรือองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐฯ กำหนดปริมาณคาเฟอีนที่ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย คือ ไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าการดื่มกาแฟไม่เกิน 2-3 แก้วต่อวัน 

แล้วชาล่ะ ?

ภาพ : Pixabay

 

ชาที่นิยมดื่มกันขณะนี้มีหลายสายพันธุ์ ทั้งชาขาว ชาดำ ชาอัสสัม ชาอู่หลง และชาเขียว แต่พระเอกขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยเราให้พ้นจากความอ้วนก็คือ ชาเขียว นั่นเอง เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า การดื่มชาเขียวช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานขณะพักได้จริง 

และยังมีการทำการทดลองในกลุ่มคนไทยที่มีรูปร่างอ้วน พบว่าการดื่มชาเขียวช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อเดือน !!!!! ปริมาณสารสกัดชาเขียวที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้คือ 400-750 มิลลิกรัม โดยให้กลุ่มตัวอย่างดื่มทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์

ทำไมต้องเป็นชาเขียว ?

ภาพ : Pixabay

 

เพราะในชาเขียวมีสารคาเทชิน ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันได้ดี ทำให้ไขมันที่สะสมในร่างกายสลายไปได้เร็วขึ้น ที่ต้องเป็นชาเขียวเพราะมีปริมาณสารคาเทชินมากกว่าทั้งชาดำหรือชาอู่หลง ชาเขียว 1 ซองมีปริมาณคาเทชินอยู่ประมาณ 30-100 มิลลิกรัม แตกต่างกันไป หากอยากควบคุมน้ำหนักก็ต้องดื่มชาเขียววันละประมาณ 3-4 ซอง

 

เอาล่ะ ยกนี้ผู้ชนะได้แก่ ชาเขียวนั่นเอง แม้ว่าการดื่มชาเขียว (ย้ำ ! ชาเขียวชงร้อน ๆ ใหม่ ๆ ไม่ใส่น้ำตาลนะจ๊ะ ไม่ใช่ชาเขียวใส่ขวดที่วางขายตามร้านค้าทั่วไป กรีนที ลาเต้ก็ไม่ช่วยนะยูว์) จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย สลายไขมันสะสมได้เร็วขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลรูปร่างและควบคุมน้ำหนักนั่นก็คือการกินอย่างมีสติ ไม่ตามใจปาก และต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ใครที่ตะบี้ตะบันดื่มชาเขียวแต่ยังตามใจปากเหมือนเดิม ไม่ลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่อยากผอม !!! บอกเลยว่าทั้งกิน ทั้งอาบชาเขียวเป็นโอ่งก็ไม่ผอมนะคะซิส

 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Glimmergirl
  • 5 Followers
  • Follow