Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

Grammar: 11 โครงสร้างประโยคภาษาพูด (Spoken English) ที่จะช่วยให้พูดภาษาอังกฤษได้อย่างเจ้าของภาษา

Posted By Plook Creator | 16 พ.ย. 60
66,224 Views

  Favorite

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักทีทั้งที่จำศัพท์ได้ ไวยากรณ์ก็แม่น นั่นเพราะไม่รู้จะสร้างประโยคอย่างไร เรามี 11 โครงสร้างประโยคซึ่งเป็นภาษาพูดสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้พูดภาษาอังกฤษได้อย่างเจ้าของภาษามาให้ลองนำไปฝึกพูดกันค่ะ 


Do you want me to + (verb)

ใช้เพื่อถามบุคคลอื่นว่าเราสามารถจะทำหรือช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้บ้าง เช่น

Do you want me to pick up the kids from school?
(คุณต้องการให้ฉันไปรับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนให้ไหม?)

Do you want me to help you with your English homework?
(คุณต้องการให้ฉันช่วยคุณเรื่องการบ้านภาษาอังกฤษไหม?) 

Do you want me to teach you how to play tennis?
(คุณต้องการให้ฉันสอนการเล่นเทนนิสให้ไหม?)

นอกจากนี้เรายังใช้ want เพื่อบอกความต้องการบางสิ่งอย่างหรือต้องการให้คนอื่นทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น

I want you to come over to my house next week.
(ฉันอยากให้คุณแวะมาที่บ้านฉันสัปดาห์หน้า) 

I want to be better at speaking English.
(ฉันอยากพูดภาษาอังกฤษให้ดีกว่านี้) 


You could have + (past participle [v.3])

could have เป็นการพูดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ควรทำ ในโครงสร้างประโยคจะตามด้วย Past participle ซึ่งคือ กริยาช่อง 3 (V.3) เช่น

You could have done better on your exam.
(คุณควรทำข้อสอบให้ดีกว่านี้)

You could have written her a letter.
(คุณควรเขียนจดหมายหาเธอ) 

You could have told us, (but you didn’t)
(คุณควรบอกพวกเรา [แต่คุณไม่บอก])

You could have learnt Japanese when You lived  in Japan.
(คุณควรเรียนภาษาญี่ปุ่นเมื่อคุณอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น) 


If I were you, I would + (verb)

‘If I were you, I would…’ หมายถึง “ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะ...” เป็นประโยคเงื่อนไข (if –clause) ในรูปแบบที่เกิดไม่ได้จริง เช่น

If I were you, I would explain what happened.
(ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น) 

If I were you, I would buy a weekend house in Chiang Mai.
(ถ้าฉันเป็นคุณฉันจะซื้อบ้านพักตากอากาศที่เชียงใหม่) 

หากจะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตสามารถทำได้โดย เติม have ไว้หลัง would และทำกริยาเป็นช่อง 2 เช่น
If I were you, I would have explained what happened.
If I were you, I would have bought a weekend house in Chiang Mai.


Are you into + (noun)

into เมื่อใช้เป็นสำนวนจะแปลว่า “ชอบมาก ๆ” ดังนั้นในโครงสร้าง “Are you into…” ใช้เพื่อถามเกี่ยวกับความสนใจที่พวกเขามีหรือสิ่งที่พวกเขาทำแล้วสนุกกับมัน เช่น

Are you into football?
(คุณชอบฟุตบอลไหม?) 

Are you into pop music or rock music? 
(คุณชอบเพลงป๊อบหรือเพลงร็อก?)

Are you into trying new things? 
(คุณชอบลองสิ่งใหม่ ๆ ใช่ไหม?) 


That’s why + (subject + verb)

That’s เป็นรูปย่อของ That is และโครงสร้าง “That’s why…” หมายถึง “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม...” ใช้เพื่อบอกเหตุผลแก่อีกบุคคลหนึ่ง โดยประกอบด้วยสองประโยคเสมอ คือ ประโยคที่เป็นเหตุ และ That’s why + (subject + verb) คือประโยคที่เป็นผล เป็นบทสรุป เช่น

Dogs are cute. That’s why I like them.
(พวกน้องหมาน่ารัก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงชอบพวกมัน)
Dogs are cute. = ประโยคที่เป็นเหตุ
That’s why I like them. = ประโยคที่เป็นผล 

I just heard Nida finally got promoted. That’s why she looks really happy today.
(ฉันได้ยินว่าในที่สุดนิดาก็ได้เลื่อนตำแหน่ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้เธอถึงดูมีความสุขมาก ๆ) 
I just heard Nida finally got promoted. = ประโยคที่เป็นเหตุ
That’s why she looks really happy today. = ประโยคที่เป็นผล


It’s gonna be + (adjective)

It’s gonna be… เป็นรูปย่อของ It’s going to be… หมายถึง “จะเป็น.....” ใช้เพื่อบอกว่ากำลังจะเป็นอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังจะทำ, เห็น หรือ รู้สึก เช่น

It’s gonna be hot today.
(วันนี้ร้อนจัง)

It’s gonna be easy.
(มันง่ายชะมัด) 

It’s gonna be boring.
(น่าเบื่อจัง) 

เราสามารถเติมสรรพนาม He, She, They, หรือชื่อบุคคลเข้าไปเพื่ออธิบายว่าเขาเป็นอย่างไรก็ได้ เช่น

He is gonna be angry.
(เขาคงจะโกรธ)

Pim’s gonna be surprised.
(พิมคงจะประหลาดใจ)

They are gonna be fine.
(พวกเขาคงจะสบายดี) 


It looks like + (noun)

It looks like… หมายถึง เหมือน, ดูเหมือนว่า, ราวกับว่า ใช้อธิบายลักษณะ ท่าทาง ของคนหรือบางสิ่งว่าเป็นอย่างไร เช่น

It looks like a banana. 
(มันเหมือนกล้วย)

It looks like a fish.
(มันเหมือนปลา)

It looks like my sister lost weight.
(ดูเหมือนว่าน้องสาวของฉันผอมลง)

She looks like a nice person.
(เธอดูเหมือนเป็นคนดี) 

นอกจากนี้ยังใช้ It looks like บอกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น

It looks like it’s going to rain tonight. 
(ดูเหมือนว่าคืนนี้ฝนจะตก) 

It looks like it’s going to be fun.
(ดูเหมือนว่ามันจะน่าสนุก) 

อีกทั้งยังใช้อธิบายถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันด้วย เช่น

It looks like she is leaving.
(ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะออกไป)

It looks like they are racing.
(ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแข่งรถ)


It takes + (time) + to + (verb)

ใช้บอกถึงระยะเวลาที่เราใช้ในการทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น

It takes 14 hours to fly to Moscow.
(ใช้เวลา 14 ชั่วโมงในการบินไปมอสโก) 

It takes all day for us to finish golfing.
(พวกเราใช้เวลาทั้งวันในการเล่นกอล์ฟจนจบ)

It took 5 hour for me to drive to your house.
(ฉันใช้เวลา 5 ชั่วโมงในการขับรถไปถึงบ้านของคุณ) 


Here’s to + (noun)

Here’s ย่อมาจาก Here is โครงสร้างนี้ใช้พูดในการเฉลิมฉลองหรือระบุตัวบุคคล, สถานที่ หรือสิ่งที่สำคัญ มักมีใครสักคนเป็นพูดขึ้นขณะดื่มอวยพรตอนดินเนอร์ หรือเป็นการให้สัญญาณแก่บางคน หรือบางสิ่งหลังเหตุการณ์บางอย่าง เช่น

Here’s to the winner!
(ดื่มฉลองให้กับผู้ชนะ)

Here’s to your marriage!
(ดื่มฉลองให้กับการแต่งงานของคุณ)

Here’s to a long and happy life!
(ดื่มฉลองให้ชีวิตที่มีความสุขและยืนยาว)

Here’s to you [your health]. = Here’s a health to you!
(ดื่มฉลองให้กับสุขภาพของคุณ)

Here’s to the New Year!
(ดื่มฉลองให้กับปีใหม่) 

Here is to great memories!
(ดื่มฉลองให้กับความทรงจำอันยอดเยี่ยม)


It’s no use + (verb ing)

It’s เป็นรูปย่อของ It is สำหรับโครงสร้าง It’s no use หมายถึง ไร้ค่า, ไม่มีความหมาย ใช้เพื่อบอกว่า มันไร้ประโยชน์ที่จะทำบางสิ่ง เช่น

It’s no use waiting for him.
(มันไร้ประโยชน์ที่จะรอเขา) 

It’s no use crying. 
(มันไร้ประโยชน์ที่จะร้องไห้) 

It’s no use trying to separate us.
(มันไร้ประโยชน์ที่จะแยกพวกเราออกจากกัน) 

It’s no use translating every single word.
(มันไร้ประโยชน์ที่จะแปลทีละคำ) 


Rumor has it that  + (subject + verb)

Rumor แปลว่า ข่าวลือ ดังนั้นวลีนี้หมายถึง “เขาว่ากันว่า” ใช้บอกเล่าเรื่องที่ได้ยินหรือได้อ่านมาแก่คนอื่น ซึ่ง Rumor ไม่ใช่เรื่องจริง เช่น

Rumor has it that his wife cheated on him.
(เขาว่ากันว่าภรรยาของเขามีชู้) 

Rumor has it that our favorite cafe is going to close.
(เขาว่ากันว่าคาเฟ่สุดโปรดของพวกเรากำลังจะปิดตัวลง) 

Rumor has it that she is dating the boss.
(เขาว่ากันว่าหล่อนเดทกับหัวหน้า) 


 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Creator
  • 44 Followers
  • Follow