พวกเธออยู่กับความเป็นจริง จริงใจกับตัวเอง และเมื่ออยู่กับคนอื่น ๆ เธอก็หาได้วอรี่ว่าตัวเองจะถูกมองมั้ย พวกเธอผ่อนคลายและเอนจอยกับสิ่งที่ธรรมชาติสรรค์แต่งมาให้แล้ว นอกจากนี้เธอยังไม่ต้องคอยทำให้ใครชื่นชอบ ซึ่งแต่ละคนก็มีความชอบแตกต่างกันไปอีก การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าอาจจะทำให้ใครคนนึงชอบ แต่คนอื่น ๆ รู้สึกว่านั่นมันมากไป-น้อยไป ดังนั้นโนเมคอัพเนี่ยแหละ ไม่ต้องมีมากมีน้อยอะไรทั้งนั้น
สาว ๆ รู้ดีว่าการแต่งหน้านั้นต้องใช้เวลา บางครั้งเห็นลุคใส ๆ นี่แหละยิ่งต้องทาต้องปาดไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น ยิ่งถ้าใครแต่งหน้านานด้วยแล้ว เวลาเหล่านั้นสามารถนำไปทำหลายสิ่งหลายอย่างได้เลยนะ และนอกจากประหยัดเวลาแล้ว เงินในประเป๋าก็ประหยัดไปได้อีกมากเหมือนกัน...(แต่จะเปลี่ยนเป็นไปซื้อพวกสกินแคร์หรือเปล่านี่ไม่แน่ใจ)
บางครั้งพอแต่งหน้าไปเรื่อยๆ สาวบางคนก็จะเริ่มมีสิวหรือผื่นผุดขึ้นมาได้ แต่เนื่องมาจากในเครื่องสำอางนั้นมีส่วนผสมหลายอย่าง เวลาแต่งหน้าที่ใช้เครื่องสำอางหลาย ๆ ชนิดบางทีก็ไม่แน่ใจว่าแพ้อะไรกันแน่ แทนที่จะหาอะไรอย่างอื่นมาทาแก้แพ้ ที่จริงวิธีที่ง่ายและมีหลายคนทดลองแล้วว่าได้ผลก็คือการหยุดใช้เครื่องสำอางทุกชนิดไปเลย โอเค...บางคนอาจเลิกแต่งหน้าไม่ได้ด้วยอาชีพการงาน งั้นอย่างน้อย ๆ ควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจดทุกวัน และเว้นให้ผิวได้พักผ่อนบ้างนะ
จริงอยู่ที่คนเรามักต้องตาต้องใจกันด้วยภาพลักษณ์ภายนอก แต่ตาคมกริบด้วยอายไลเนอร์หรือขนตายาวเป็นแพเมื่อแรกเห็นนั้นอาจไม่จีรังยั่งยืน ดังนั้นบางทีมันก็นำไปสู่ความผิดหวังหรืออะไรในตอนท้ายได้ สำหรับสาวโนเมคอัพ ก็เพราะส่วนที่คนประทับใจในตัวเธอไม่ใช่หน้าตา ดังนั้นความเป็นตัวของตัวเธอเอง อุปนิสัย และอะไรอย่างอื่นนอกเหนือนั้นจึงฉายออกมาจนคนอื่นเห็นได้ชัด และว่ากันว่าหากมีชายหนุ่มคนไหนมาตกหลุมรักสาว ๆ ทั้งที่เห็นหน้าตาแบบไร้เครื่องสำอางแล้วความสัมพันธ์ก็มักจะมั่นคงด้วย เพราะอย่างน้อย ๆ มันก็ตัดความคิดประเภทว่า “นี่เรารักกันแค่เพราะหน้าตาใช่มั้ย” ออกไปได้
เคยเป็นมั้ยคะสาว ๆ ที่ต้องพยายามหาไพรเมอร์หรือคอลซีลเลอร์เนียนๆ มาปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้า โดยเฉพาะถ้าช่วงไหนเป็นสิว นอนดึก หรือยิ่งไปกว่านั้นก็คือวัยเพิ่มจนริ้วรอยเริ่มถามหา ความจริงสิ่งเหล่านั้นไม่ได้น่าอายเลยซักนิดนะ หน้าโทรมบ้างหรือแก่ขึ้นมันก็ธรรมดา การโนเมคอัพทำให้เราค่อย ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไปทีละนิดและเข้าใจว่ามันเป็นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเลย ซึ่งพื้นฐานความคิดแบบนี้ก็สามารถประยุกต์กับการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ได้