ดังนั้นพ่อแม่จึงมีหน้าที่ในการช่วยลูกค้นหา และแสดงให้เห็นว่าลูกมีความพิเศษอย่างไร และยอมรับว่าถ้าสิ่งพิเศษที่ลูกมีนั้นอาจจะแตกต่าง และไม่เหมือนคนอื่น เพราะโลกนี้ต้องการความหลากหลาย และสิ่งใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีคนคิดต่าง มีหลายคนบนโลกนี้ ที่ไม่สามารถค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองได้ เพราะกลัวที่จะแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นวันนี้แม่แหม่มจึงมีวิธีง่าย ๆ ในการช่วยกันค้นหา “พรสวรรค์” ในตัวลูกมาฝากกันค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของลูก และมองเห็นในสิ่งที่ลูกมีต่างจากคนอื่น พ่อแม่มีหน้าที่สร้างกำลังใจ และสร้างความเชื่อมั่น ให้ลูกรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นและตัวเองมี ถึงแม้มันจะต่างจากคนอื่น หรือแตกต่างจากสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองเห็น แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้สังคมเดือดร้อนแล้ว พ่อแม่ก็จงสนับสนุน และให้ความเชื่อมั่นกับลูกเถอะว่า “การคิดต่าง เป็นบ่อเกิดแห่งความสร้างสรรค์” ดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่าลูกจะต้องเหมือนใคร ขอแค่ลูกได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบ และมีความถนัดให้เต็มที่ก็พอ และการที่พ่อแม่ให้การสนับสนุนก็จะยิ่งทำให้ลูกได้ค้นพบความถนัด หรือ “พรสวรรค์” ของตัวเองเร็วขึ้นนั่นเอง
มีพ่อแม่จำนวนมากที่ในช่วงแรกมองเห็นและยอมรับในความแตกต่างของลูก แต่สิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญก็คือ “เสียงจากคนรอบข้าง” เสียงนี้เป็นเสียงที่มีอิทธิพลอย่างมาก จะเห็นได้ว่าหลายครอบครัวเปลี่ยนแนวทางการเลี้ยงลูกก็เพราะคำว่า “ทำไมลูกเธอไม่ทำอย่างนี้” “ทำไมเธอไม่เลี้ยงลูกแบบนั้น” เมื่อได้ฟังคำถามเหล่านี้บ่อย ๆ ความสั่นคลอนก็จะเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ฟังไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ หลายคนกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ หลายคนล้มเลิก และเลือกที่จะพาลูกเข้าสู่ “กรอบ” ของสิ่งที่คิดว่าควรจะเป็น จนทำให้ลูกหมดโอกาสในการที่จะได้ค้นหาความชอบ หรือความถนัดของตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรตระหนักถึงก็คือ “ลูกเราไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร และจงภูมิใจในการเลี้ยงลูกในแบบของเรา”
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.