โดยส่วนตัวเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่นแพ้แป้งอยู่แล้วค่ะ เนื่องจากตอนเด็ก ๆ ที่บ้านชอบทาแป้งให้ตัวขาว ๆ หอม ๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ พอโตขึ้น มีความรู้เยอะขึ้นเลยรู้ว่าตัวเองไม่ถูกกับทัลคัมอย่างแรง ก็พยายามใช้แป้งที่ปราศจากทัลคัม แต่มาติดตรงแป้งแต่งหน้านี่ล่ะที่หาไม่ได้สักที จนเพื่อนสนิทนำเหนอ Lady Audrey มาให้ เลยหาซื้อมาลองใช้ซะเลย โดยแป้งของเขามีทั้งหมด 2 สูตรด้วยกันค่ะ คือ Rice Flawless Foundation Powder Long-lasting Oil Control และ Rice Loose Powder Long-lasting Oil Control (ชื่อยาวเอาเรื่องเลยนะเนี่ย)
แต่ครั้นจะใช้แป้งแบบไม่มีข้อมูลก็ไม่ใช่สไตล์ เลยไปส่องเพจเขาเสียหน่อย ได้ความว่าแป้งของ Lady Audrey ผลิตจากเทคโนโลยี R-Micelle ซึ่งช่วยเสริมให้แป้งข้าวตัวเด่นของเขาย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีเนื้อเนียนละเอียด เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ทั้งยังป้องกันความเปียกชื้นได้อีกด้วยค่ะ แหม คำเคลมเยอะขนาดนี้ ชักอยากรู้แล้วสิว่าได้ผลตามนั้นรึเปล่า
ก่อนไปรีวิว เรามาทำความรู้จักผิวหน้าของนางแบบกันก่อนค่ะ นางแบบของเราผิวอันเดอร์โทนเหลือง ผิวหน้าค่อนข้างเเห้ง มันเล็กน้อยช่วงทีโซน มีริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตา มีจุดด่างดำที่เกิดจากรอยสิวนิดหน่อย
เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสีไหนจะเข้ากับหน้า บวกกับคุณเพื่อนจะขอหารด้วย เลยสั่งมาทุกสูตรทุกสีเลยค่ะ (พลีชีพเพื่อรีวิวโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย) สีแรกคือ Beige 10 ตลับชมพูนี้ค่ะ ขอบอกว่าสีค่อนข้างสว่างเลยทีเดียว น่าจะเหมาะสำหรับสาวผิวขาวผมชมพู หรือขาวเหลือง เนื้อแป้งบางเบาสบายผิว ไม่เน้นปกปิดมาก สาวคนไหนอยากได้แป้งผสมรองพื้นที่ปกปิดขั้นเทพ ตัวนี้อาจยังไม่ตอบโจทย์นะคะ
ความติดทนและคุมมัน : เนื่องจากเนื้อแป้งค่อนข้างบาง ถ้าทาตั้งแต่เช้าอาจเหลือติดหน้าจนถึงเย็นแค่นิดหน่อย ต้องอาศัยการเติมแป้งระหว่างวันช่วย จะทำให้หน้าผ่องไปตลอดค่ะ
ตลับสีม่วงนี้เป็นเฉดที่เข้มขึ้นมาอีกระดับหนึ่งค่ะ ขอบอกว่าเลิฟสีนี้มาก ๆ เพราะเข้ากับสีผิวสุด ๆ เนื้อแป้งก็เนียนละเอียดสมกับที่เคลมไว้ พอเอาพัฟแตะที่แป้ง แป้งก็ไม่ฟุ้งกระจายให้รำคาญใจ พอทาลงบนหน้าแล้วช่วยให้กระจ่างใส นวลเนียนขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังปกปิดรูขุมขนและรอยหมองคล้ำได้ดีด้วยนะคะ แท็บ ๆ ที่ใต้ตาสักนิด เนียนกริ๊บเลยล่ะ
ความติดทนและคุมมัน : คล้าย ๆ กับ Beige 10 คิดว่าเหมาะสำหรับพกติดตัวไว้เติมนะคะ เพราะแป้งไม่เป็นคราบ เติมแล้วก็ยังรู้สึกสบายผิว ไม่หนักหน้าแต่อย่างใด หน้ามันช้าลงนิดหน่อยค่ะ
ตลับสีฟ้าเหมาะสำหรับสาวผิวสีน้ำผึ้งมากค่ะ เพราะสีค่อนข้างเข้มเลยทีเดียว โดยส่วนตัวชอบแป้งที่พอทาแล้วหน้าผ่องขึ้นมาประมาณครึ่งเบอร์ พอเจอตลับสีฟ้านี่เข้าไปเลยรู้สึกว่าหน้าอาจดรอปลงมาเล็กน้อย แต่ถ้าสาว ๆ คนไหนชอบแป้งที่พอดีกับสีผิวเป๊ะ ๆ น่าจะชอบสีฟ้ามากกว่าสีม่วงนะคะ
ความติดทนและคุมมัน : ติดทนเล็กน้อย คุมมันประมาณหนึ่ง ยังต้องเติมหน้าระหว่างวันอยู่ดีค่ะ
แป้งฝุ่นที่ตามหามานานค่ะ กระปุกกระทัดรัดเหมาะมือ มีพัฟให้ในกระปุก กระปุกสีชมพูนี้เนื้อแป้งจะออกไปทางโทนชมพู น่าจะเหมาะสำหรับสาวผิวขาวอมชมพู หรือมีอันเดอร์โทนสีชมพูนะคะ เนื้อแป้งค่อนข้างละเอียด แอบใช้ยากนิดหน่อย พอเคาะแป้งออกจากกระปุก ฝุ่นแป้งก็ฟุ้งขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เวลาจะใช้ทีต้องตั้งสติดี ๆ เทแต่น้อย ค่อย ๆ ใช้พัฟนุ่ม ๆ แตะขึ้นมาแต่งหน้า ส่วนผลลัพธ์หลังใช้ ช่วยให้ผิวหน้านวลเนียนขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบอกว่าสบายผิวขั้นสุด
ความติดทนและคุมมัน : แป้งกระปุกนี้ติดไม่ค่อยทนเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงทีโซนจะหลุดง่ายกว่าส่วนอื่น ๆ คิดว่าเหมาะสำหรับวันสบาย ๆ หรือเอาไว้เซตรองพื้นน่าจะดี แต่ขอบอกว่าคุมมันเริ่ดมาก ๆ เลยนะคะ แม้แป้งจะหลุดง่าย แต่กว่าหน้าจะมันก็ปาไปบ่ายแก่โน่นเลย
แป้งกระปุกสีฟ้านี้สีจะค่อนไปทางเหลืองกว่ากระปุกสีชมพูค่ะ เหมาะกับผิวโทนเหลืองแบบเรา ๆ เป็นอย่างยิ่ง เปิดกระปุกมาก็เจอพัฟสีขาวแสนนุ่มนิ่มอีกเช่นเคย ซึ่งเนื้อแป้งฝุ่นของเขาก็เนียนละเอียดสมคำเคลมจริง ๆ ค่ะ ลองสัมผัสดูจะรู้เลยว่านุ่มและเบามาก แต่ความนุ่ม ๆ ฟู ๆ นี้เองเลยทำให้ฟุ้งง่ายเวลาใช้ ได้อย่างเสียอย่างเนอะ
ความติดทนและคุมมัน : ประทับใจความคุมมันของแป้งกระปุกนี้มากค่ะ เติมระหว่างวันแค่หนเดียวก็อยู่ได้ตั้งแต่เช้ายันดึกเลย สีก็ไม่ลอยไม่โดดเหมือนกระปุกสีชมพูด้วยค่ะ
กว่าจะลองแป้งเสร็จ เหนื่อยแทบแย่แน่ะค่ะ กล่าวโดยรวมแล้วแป้งของ Lady Audrey สร้างความประทับใจให้ค่อนข้างมากเลย เพราะเทียบคุณสมบัติและประสิทธิภาพการใช้งานแล้ว ถือว่าทำได้ดีทีเดียวค่ะ นี่ถ้าล็อตที่ซื้อมาหมดคงได้สั่งต่อมาใช้เรื่อย ๆ แน่นอน เพราะถูกใจในความบางเบาสบายผิว แถมยังไม่มีทัลคัมให้กวนใจอีกด้วย สาวผิวแพ้ง่ายอย่างเรา ๆ เลิฟมากเลยค่ะ นอกจากนี้ Lady Audrey ยังเป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ด้วยนะคะ ยิ่งน่าอุดหนุนขึ้นไปอีก