เส้นใยสังเคราะห์สมัยก่อนอย่างโพลีเอสเตอร์ แม้ว่าจะสะดวกสบายในการผลิต สวมใส่ และราคาถูก แต่มันมีข้อเสียคือ ไม่ค่อยซับน้ำ ระบายอากาศไม่ดี ดังนั้น หากคุณสวมใส่ในวันอากาศร้อน ตัวคุณคงท่วมเหงื่อไปหมด ถ้าอย่างนั้นแล้วไมโครไฟเบอร์แตกต่างจากเส้นใยสังเคราะห์แบบเดิมอย่างไร
ไมโครไฟเบอร์สร้างจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์และโพลีเอไมด์ (Polyamide) โดยใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์เป็นโครงสร้างหลักและเส้นใยโพลีเอไมด์เข้ามาช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้มันมีความอ่อนนุ่มและซับน้ำ นอกจากนั้นยังทำให้ผ้ามีประจุไฟฟ้า มันจึงสามารถดึงดูดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่น ๆ และเทคโนโลยีที่เราใช้ในการสร้างเส้นใยสังเคราะห์ในปัจจุบันก็พัฒนากว่าเดิมมาก ทำให้เราได้เส้นใยที่มีขนาดเล็กลง เล็กกว่าเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ 7-10 เท่า ดังนั้น ผืนผ้าเองก็จะมีความเบาบางกว่า และปลายเส้นใยที่เล็กกว่ายังทำให้การทำความสะอาดเข้าถึงจุดที่ละเอียดกว่าผ้าที่เคยใช้แบบเดิม ๆ อีกด้วย
การถักทอเส้นใยขนาดเล็กนี้ยังมีลักษณะที่เป็นมุมและขอบลิ่มละเอียดมาก ๆ ซึ่งทำให้กักเก็บฝุ่นเอาไว้ได้ดีเยี่ยม คุณสมบัติโดยรวมของไมโครไฟเบอร์จึงมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ตั้งแต่ผ้าเช็ดเอนกประสงค์ซึ่งสามารถปัดกวาดเก็บฝุ่นผงได้ดี ด้วยคุณลักษณะของการถักทอ ขนาดเส้นใย และความสามารถด้านไฟฟ้าสถิตย์ ยังไม่รวมถึงความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดีปานกลาง แต่การซึมซับน้ำนี้ไม่ได้ซึมเข้าสู่ด้านในของเนื้อผ้า และนั่นทำให้การบิดหรือสะบัดเพียงเบา ๆ ก็ทำให้โมเลกุลของน้ำหลุดออกไปได้ง่าย ผ้าจึงแห้งเร็วเมื่อบิดหรือตาก และที่ดีที่สุดคือการรีไซเคิล เนื่องจากไมโครไฟเบอร์ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ที่เป็นโพลิเมอร์จึงสามารถรีไซเคิลกลับมาผลิตซ้ำได้ใหม่
นอกจากคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ดังที่กล่าวมาแล้ว ข้อดีของผ้าไมโครไฟเบอร์ยังอยู่ที่ความสามารถในการปรับแต่งสัดส่วนของเส้นใย 2 ชนิด คือ โพลิเอสเตอร์และโพลิเอไมด์ซึ่งเป็นส่วนผสมของผ้าไมโครไฟเบอร์ เพื่อชนิดของผ้าที่เหมาะสมกับงานที่ต่างกันออกไปด้วย โดยการใช้งานทั่วไปอาจจะใช้สัดส่วนของโพลิเอสเตอร์ : โพลิเอไมด์ ที่ 80:20 แต่หากต้องการให้ผ้ามีความนุ่มมากขึ้นอย่างผ้าขนหนู ก็จะปรับสัดส่วนให้มีโพลิเอไมด์มากขึ้นเป็น 70:30 เป็นต้น
นี่เป็นอีกก้าวหนึ่งของการผลิตเส้นใยและการใช้ประโยชน์จากโพลิเมอร์ หรือพลาสติก ผลิตผลที่เราได้จากการทำปิโตรเลียม และเส้นใยสังเคราะห์เหล่านี้ทำให้เราเก็บเกี่ยวประโยชน์จากธรรมชาติน้อยลง ทำลายธรรมชาติน้อยลง เน้นการรีไซเคิลมากขึ้น รักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ให้ได้นานที่สุดนั่นเอง ในอนาคตอาจจะมีการปรับสัดส่วนของเส้นใยหรือการผสมเส้นใยสังเคราะห์ต่างชนิดกัน เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่แตกต่างออกไปอีกโดยไม่ต้องถลุงทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น เพราะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ไม่เพียงทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่เป็นการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีควบคู่ไปกับการรักษาโลกเอาไว้ด้วย
ภาพปก : Shutterstock