Working Memory ก็คือหน่วยความจำที่สมองเก็บข้อมูลไว้ และจะประมวลผล ดึงข้อมูล ที่เก็บไว้ออกมาใช้งานตามสถานการณ์ที่ต้องการ ซึ่งจะส่งผลให้เด็กมีความสามารถในการมองเห็นความเปลี่ยนแปลง ปรับตัวได้ดีเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ และมองหาโอกาสในการเริ่มต้นและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ
การเล่นเป็นกระบวนการที่ทำให้เด็กเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น เรียนรู้เรื่องการแก้ปัญหา เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน เรียนรู้เรื่องความอดทน การรอคอย และการแบ่งปัน อีกทั้งการที่เด็กได้เล่นในรูปแบบที่หลากหลาย ยังเป็นการช่วยส่งเสริมและพัฒนากระบวนการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
ธรรมชาติของเด็กทุกคนนั้นย่อมมีความอยากรู้ อยากลอง อยากสำรวจ อยู่แล้ว ดังนั้นการที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกได้วิ่งเล่น ซุกซน หรือทดลองทำสิ่งใหม่ที่เขาไม่เคยทำตามประสาของเด็กบ้างในบางครั้งนั้น ก็จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้สารเอนโดรฟิน หรือสารสร้างความสุขหลั่งออกมา ซึ่งนอกจากสารนี้จะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังส่งผลให้สมองปลอดโปร่ง มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต่อไปได้ด้วย
การที่ลูกตั้งคำถามต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น แสดงว่าลูกได้มีความคิดหรือความเข้าใจต่อสิ่ง ๆ นั้นในระดับหนึ่งแล้ว ลูกถึงได้มีข้อมูลในการตั้งคำถาม เพื่อที่จะต่อยอดในสิ่งที่เขาอยากรู้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อลูกมีคำถาม จึงถือเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่จะถ่ายทอดข้อมูลและคำสอนดี ๆ ให้กับลูก อีกทั้งยังอาจมีการตั้งคำถามต่อยอด เพื่อฝึกให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
ในวัยเด็กนั้นการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อความทรงจำของเด็กมากที่สุด ก็คือ การเรียนรู้ที่เกิดจากการได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง และเมื่อเด็กได้ลงมือปฏิบัติและค้นพบในสิ่งที่เขาชอบ จนมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆ ก็จะก่อให้เกิดเป็นความชำนาญ ซึ่งเราเรียกง่าย ๆ ว่า “ความสามารถพิเศษ” นั่นเอง
สุภาพรรณ ศรีสุข (ครูแหม่ม)
ที่ปรึกษาวิชาการ โรงเรียนศิลปพัฒนาการสมองเด็ก K.D.S.